สงครามยังไม่มีวี่แววจบ หลังผ่านมา 6 เดือน มีแต่ภาพความทุกข์ระทมของประชาชน และการถล่มเพิ่มเติม
วันที่ 25 สิงหาคม 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่าประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ ผู้นำยูเครน แถลงข่าวว่า เมืองแชปลีน ใจกลางของประเทศ ถูกจรวดจากรัสเซียยิงใส่สถานีรถไฟ นาทีที่ประเทศจัดงานฉลองวันประกาศเอกราช มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และบาดเจ็บอีก 50 คน
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
- พนักงานถูกไล่ออก เพราะพากันหนีไฟไหม้ ที่มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล
- บ้าน-รถกู้ไม่ผ่านพุ่งกระฉูด หนี้ครัวเรือนท่วม-แบงก์ผวา NPL
“แชปลีนเป็นความเจ็บปวดของเราวันนี้” นายเซเลนสกีแถลงข่าวแจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.พร้อมเตือนว่า รัสเซียอาจพยายามก่อเหตุโหดอีกในสัปดาห์นี้
เมืองแชปลีนอยู่ในภูมิภาคนีโปรเปตรอฟสก์ ภาคกลางของประเทศ เมืองแห่งนี้มีประชากรราว 3,500 คน
โศกนาฏกรรมนี้มาพร้อมกับวาระครบ 6 เดือนที่ นายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียมีคำสั่งเริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน” วันที่ 24 ก.พ.
สำนักข่าว เอพี เผยแพร่รายงานพิเศษในวาระนี้ หลังส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ในแถบชานเมืองของกรุงเคียฟ และได้พบกับครอบครัวหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของรัสเซีย
แดนีก รัก เด็กชายวัย 12 ปีให้สัมภาษณ์ว่า บ้านของครอบครัวถูกทำลาย แม่บาดเจ็บสาหัส
หนุ่มน้อยอาศัยอยู่กับแม่และยายในบ้านใกล้เมืองเชอร์นิฮิฟ เมืองทางเหนือของกรุงเคียฟ บ้านมีเพียงผ้าใบกันน้ำผืนหนึ่งปิดหน้าต่างห้องนอนที่พัง เขาขายนมจากวัวของครอบครัว มีป้ายที่เขียนด้วยลายมือห่อด้วยพลาสติกใสที่ประตูหน้าเขียนว่า “โปรดซื้อนมเพื่อช่วยแม่ของผมที่บาดเจ็บ”
“แม่ของผมต้องการการผ่าตัดและนั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องช่วยเธอ อีกทั้งคุณยายยังเป็นโรคหัวใจด้วย” แดนีกกล่าว
ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน แดนีกและคุณยายเข้าร่วมอาสาสมัคร เพื่อเคลียร์เศษซากจากอาคารที่เสียหายและถูกทำลายในการทิ้งระเบิดของรัสเซียนอกเมืองเชอร์นิฮิฟ ระหว่างทางเขาแวะพักที่บ้านหลังเก่า ส่วนใหญ่พังยับเยิน
“นี่คือห้องนอนของผม” เขากล่าวขณะยืนอยู่ข้างสปริงที่นอนที่ไหม้เกรียมซึ่งยื่นออกมาจากเศษอิฐและปูนปลาสเตอร์
แดนีกเผยด้วยา พ่อ ลุง ปู่ รวมถึงพ่อเลี้ยงของเขาเป็นทหารในกองทัพยูเครนด้วย และในอนาคตเขาอยากเป็นนักบินของกองทัพอากาศ
สะพานนี้เป็นถนนจากนรก
การโจมตีด้วยปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศจากกองทัพรัสเซีย สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเมืองเอียร์ปิน เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างกรุงเคียฟไปทางทิศตะวันตกราว 20 กิโลเมตร ส่งผลให้สะพาน บ้านเรือน ถนนพังราบ ผู้คนในเมืองต้องอพยพผ่านใต้ซากสะพานอย่างยากลำบาก
ฮูไซนอฟ วัย 34 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ที่นั่น ได้บอกกับแหล่งข่าวว่า เขาทำการอพยพผู้รอดชีวิตเป็นเวลา 16 วันมันน่าหดหู่มากเลย รอบซากสะพานเต็มไปด้วยโคลน บนแม่น้ำมีทั้งคอนกรีตและเหล็กลอยเต็มไปหมด
อีกทั้งรถตู้สีขาวที่พลิกคว่ำซึ่งยังคงติดอยู่ในแผ่นคอนกรีต ผู้คนต่างหวาดกลัวเป็นอย่างมากเพราะหลายคนสูญเสียทั้งลูก และสมาชิกในครอบครัว
ผู้สูญเสียตอกไม้กางเขนที่ทำจากไม้ก่อสร้างกับราวของสะพานเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่สูญหายและความพยายามในการช่วยเหลือพลเรือน
ฮูไซนอฟกล่าวเสริมว่า “คนทั้งโลกได้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเรา และเขาจะไม่มีวันเอาสิ่งดี ๆ ในชีวิตไปเปล่าประโยชน์อีกเลย ในความคิดของผม ทุก ๆ อย่างเปลี่ยนไป รวมถึงค่านิยมในชีวิตของผม ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าการสูญเสียเป็นอย่างไร”
หลุมฝังศพที่ใหญ่ที่สุดในเมืองบูชา ติดกับกรุงเคียฟ หลังจากที่กองทัพรัสเซียเข้ามายึดครองเมืองเมื่อเดือนมีนาคม สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความโหดร้ายของการโจมตีของรัสเซีย
ทางบาทหลวง อังเดร ซึ่งดำเนินการฝังศพหลายครั้งสำหรับพลเรือนที่ถูกพบว่าถูกยิงเสียชีวิตหรือเสียชีวิตจากการปลอกกระสุน ระบุว่า “หลุมศพนี้มีจำนวน 116 คน รวมถึงผู้หญิง 30 คน และเด็กอีก 2 คน โดยที่เราไม่สามารถฝังพวกเขาในสุสานได้เพราะอยู่นอกเมือง พวกเขาทิ้งคนตาย นอนอยู่บนถนน พบผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในรถของพวกเขา”
“สถานการณ์นั้นกินเวลาสองสัปดาห์ และหน่วยงานท้องถิ่นก็เริ่มหาทางช่วยเหลือญาติและคนที่คุณรัก แต่สภาพอากาศเลวร้ายและสัตว์ป่าต่าง ๆ เป็นอุปสรรคอย่างมาก” บาทหลวงจึงตัดสินใจที่จะทำพิธีฝังศพในลานโบสถ์ หลายแห่งใกล้กับที่พบศพ
เขากล่าวว่า นี่เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายของผู้คนในเมืองอย่างรุนแรง ไม่ว่าใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในยูเครน ที่เห็นสงครามไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นมันจะยากที่จะผ่านสิ่งนี้ การโจมตีครั้งนี้ไม่สามารถให้อภัยได้เลย
….