สหรัฐเปิด ยุทธศาสตร์ความมั่นคง วางจีนคู่ปรับตัวฉกาจ รัสเซียอันตราย

ยุทธศาสตร์ความมั่นคง

ยุทธศาสตร์ความมั่นคง ของรัฐบาลสหรัฐ ได้ฤกษ์เผยแพร่แล้ว หลังล่าช้าไปเพราะสาละวนอยู่กับศึกรัสเซีย-ยูเครน ปรากฏว่าสหรัฐมองจีนเป็นคู่ปรับเบอร์หนึ่ง

วันที่ 13 ตุลาคม 2565 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน เปิดรายงานยุทธศาสตร์ความมั่นคงของประเทศ มีใจความสำคัญ เอ่ยถึงจีนว่าเป็นคู่ปรับตัวฉกาจที่สุด ซึ่งสหรัฐต้องเอาชนะให้ได้ ส่วนรัสเซียเป็นภัยอันตรายที่คุกคามฉับพลัน

การเปิดแผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้ล่าช้าจากสงครามยูเครน ซึ่งรัฐบาลนายไบเดนใช้เวลามาเกือบตลอดปี มุ่งสร้างแนวร่วมต่อต้านรัสเซีย ทั้งทุ่มเงินไปหลายพันล้านดอลลาร์จัดหาอาวุธให้ยูเครน

สี จิ้นผิง ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน 30 ก.ย. 2022. (AP Photo/Mark Schiefelbein)

อย่างไรก็ตาม จีนเป็นประเทศที่สหรัฐมองว่าเป็นคู่ปรับเดียวที่ทาบบารมีสหรัฐบนเวทีโลก และต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรก แม้ต้องคอยรับมือรัสเซียในขณะนี้

“ยุคหลังสงครามเย็นจบไปแล้ว ดังนั้น การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจจะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่จะตามมา” เจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงของรัฐบาลนายไบเดน กล่าวเปิดแผนยุทธศาสตร์นี้ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์

เอาชนะจีน-รับมือรัสเซีย

แผนยุทธศาสตร์ระบุว่า ทศวรรษ 2020 จะเป็นทศวรรษที่เด็ดเดี่ยวสำหรับอเมริกาและโลก ในการลดความขัดแย้ง ผลักดันประชาธิปไตย ให้มีชัยเหนือลัทธิเผด็จการ และเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

“เราจะยังคงให้ความสำคัญกับการแข่งขันอย่างอดทนเพื่อเอาชนะสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่ต้องรับมือกับรัสเซียที่อันตราย”

Chinese President Xi Jinping, left, and Russian President Vladimir Putin, Uzbekistan, Thursday, Sept. 15, 2022. (Alexandr Demyanchuk, Sputnik, Kremlin Pool Photo via AP)

รายงาน ยุทธศาสตร์ความมั่นคง ของสหรัฐแจกแจงว่า วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แสดงถึงภัยคุกคามอย่างฉับพลันต่อระบบสากลที่มีอิสระและเปิดกว้าง ไม่สนใจกฎหมายพื้นที่ที่เป็นระเบียบโลกในวันนี้ ขณะทำสงครามโหดร้ายก้าวร้าวต่อยูเครน

ส่วนจีนต่างไปอีกขั้ว เป็นคู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวที่มุ่งทั้งกำหนดระเบียบโลกใหม่ และเพิ่มอำนาจด้านเศรษฐกิจ การทูต การทหาร และเทคโนโลยี เพื่อรุกคืบเป้าหมายนั้น

“ผมไม่เชื่อว่าสงครามในยูเครนจะส่งผลเปลี่ยนแปลงโดยหลักการต่อโจ ไบเดน ในการจัดการนโยบายการต่างประเทศที่ดำเนินมาก่อนสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา แต่ผมเชื่อว่า สงครามนี้ทำให้เห็นองค์ประกอบหลักในการจัดการของเรา ที่จะเน้นถึงพันธมิตร ความสำคัญ และการสร้างเสริมความช่วยเหลือโลกประชาธิปไตย และยืนหยัดเพื่อกลุ่มประชาธิปไตย และเพื่อหลักการประชาธิปไตย” นายซัลลิแวนกล่าว

ดูจากรายงานยุทธศาสตร์นี้ รัฐบาลสหรัฐต้องการทำงานร่วมกับหลากหลายชาติ ไม่เว้นคู่แข่ง หากมีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นเรื่องการเจรจากับจีนในด้านลดการปล่อยคาร์บอนที่มีผลต่อภาวะโลกร้อน โดยเรียกปัจจัยนี้ว่า “เป็นความท้าทายยิ่งในยุคสมัยของเรา”

ยุทธศาสตร์ความมั่นคง
FILE – President Joe Biden. (AP Photo/Manuel Balce Ceneta)

ระแวงจีนจัดระเบียบโลกใหม่

สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐระแวงจีนอย่างยิ่งคือความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยี ที่มุ่งหล่อหลอมระเบียบโลกให้สนับสนุนรูปแบบเผด็จการตามแบบอย่างของจีน

แม้ว่าจีนปฏิเสธมาตลอดว่าไม่คิดเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่สหรัฐมองว่าจีนกระเหี้ยนกระหือรือที่จะสร้างสถานะทรงอิทธิพลขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจนำโลก โดยทับรอยสหรัฐในการขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย

รัฐบาลไบเดนกล่าวหาว่าจีนพยายามรุกตลาดชนชั้นกลางของสหรัฐ หาทางทำให้โลกต้องพึ่งพาเศรษฐกิจจีน ขณะที่จำกัดการเข้าถึงตลาดที่มีมูลค่าพันล้านดอลลาร์ของจีนเอง

สมรรถนะโจมตี
จีนบินลาดตระเวน /Xinhua

ข้อเสนอแนะในรายงานยุทธศาสตร์นี้ คือการลงทุนในแผ่นดินอเมริกา อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ไบเดนลงนามกฎหมายงบประมาณ 52,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่พยายามคุมให้การแข่งขันนี้เป็นไปอย่างสันติและมีความรับผิดชอบ

“เราไม่ได้หาทางแข่งขันให้นำไปสู่การเผชิญหน้า หรือสร้างสงครามเย็นรอบใหม่ เราไม่ได้คบหาแต่ละประเทศด้วยการสร้างสมรภูมิตัวแทนขึ้นมา” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงกล่าว

ทบทวนสัมพันธ์ซาอุฯ

อีกประเด็นที่น่าจับตา คือการระบุถึงการประเมินความสัมพันธ์ใหม่กับมหามิตรซาอุดีอาระเบีย หลังจากซาอุฯตัดลดปริมาณการผลิตน้ำมันที่ส่งผลอันเป็นประโยชน์ให้รัสเซีย ในฐานะผู้ส่งออกพลังงาน และอาจส่งผลให้ราคาแก๊สของผู้ใช้ชาวอเมริกันสูงขึ้น ก่อนที่การเลือกตั้งกลางเทอมจะมีขึ้น

FILE PHOTO: U.S. President Joe Biden walks to board a plane following an Arab summit, at King Abdulaziz International Airprot, in Jeddah, Saudi Arabia, July 16, 2022. REUTERS/Evelyn Hockstein/File Photo

เมื่ออิสราเอลกับชาติอาหรับประนีประนอมกันได้แล้ว ยุทธศาสตร์ของสหรัฐที่เรียกว่า “เพิ่มสัมพันธ์กับชาติตะวันออกกลาง” ก็จะลดการดูแลความมั่นคงให้กับชาติผลิตน้ำมันเหล่านี้ลง พร้อมกับการรณรงค์สร้างเสริมประชาธิปไตยในสหรัฐให้มากขึ้น หลังจากเสียศูนย์ไปมากจากเหตุการณ์ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 ปลุกให้ม็อบบุกอาคารรัฐสภา

“เราอาจจะไม่ได้ทำตามอุดมการณ์ของเราเสมอ และช่วงไม่กี่ปีมานี้ ประชาธิปไตยของเราถูกท้าทายจากปัจจัยภายใน แต่เราจะไม่เดินหนีจากอุดมการณ์ของเรา” ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐกล่าว

จีนซัดสหรัฐคิดแบบสงครามเย็น

ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า รัฐบาลจีนเปิดแถลงตอบโต้รายงานยุทธศาสตร์ฉบับนี้ของสหรัฐในทันทีว่า เป็น “วิธีคิดแบบสงครามเย็น”

เหมา หนิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศจีน 13 ต.ค. 2022. (AP Photo/Liu Zheng)

เหมา หนิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า การคิดแบบสงครามเย็น และการเล่นเกมที่ต้องมีแพ้ชนะ รังแต่จะเร้าความขัดแย้ง และปลุกการแข่งขันของมหาอำนาจ เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความนิยม และไม่สร้างสรรค์เลย

โฆษกหญิงของจีนยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐพบกับจีนครึ่งทาง และร่วมกระชับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐให้กลับไปดีและอยู่ในร่องในรอยที่มั่นคงจะดีกว่า

….