จาง ซิน และ พาน ชื่ออี้ คู่รักมหาเศรษฐี ระดับพันล้านดอลลาร์ ผู้ย้ายทรัพย์สมบัติออกจากจีนไปอยู่นิวยอร์ก ในจังหวะเวลาที่พอดิบพอดี กลายเป็นกรณีศึกษา
วันที่ 5 ธันวาคม 2565 บลูมเบิร์ก รายงานว่า จาง ซิน และ พาน ชื่ออี้ คู่รักมหาเศรษฐี แห่งบริษัท โซโห ไชน่า (Soho China Ltd.) ยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีน กำลังเขียนหนังสือคู่มือ เพื่ออธิบายว่า ทั้งสองย้ายทรัพย์สินออกจากประเทศคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร ก่อนที่ทางการจะเข้าคุมเข้มและตลาดจะเกิดภาวะฟองสบู่แตก
- ตลาดจีนแข่งยาก รถญี่ปุ่นสู้ไม่ไหว ฮอนด้า-นิสสันลดการผลิตตามมิตซูฯที่ถอนตัวแล้ว
- ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นราธร-อุรัชนา ศรีชาพันธุ์ ถูกฟ้องล้มละลาย
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุรับ 900 บาท เริ่มโอนแล้ว เช็กรายละเอียด
ปัจจุบันทั้งสองอาศัยอยู่ที่ย่านใจกลางเขตแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อาคารที่หันหน้าชนกับ มหาวิหารเซนต์ แพทริก
ทั้งสองยังสร้างออฟฟิศครอบครัวชื่อ Seven Valleys หรือ เจ็ดหุบเขา นำชื่อมาจากหนังสือภาษาเปอร์เซียที่เขียนโดยผู้ก่อตั้งลัทธิบาไฮ ซึ่งทั้งสองนับถือ
ทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองในนครนิวยอร์ก สำคัญพอ ๆ กับสถาปัตยกรรมที่ทั้งคู่พัฒนาในกรุงปักกิ่ง นั่นคือการถือหุ้นในอาคาร เจเนอรัล มอเตอร์ หรือ GM Building บนถนนฟิฟธ์ แอวะนิว และ อาคารพาร์ก แอวะนิว พลาซา (Park Avenue Plaza) ในย่านมิดทาวน์
ปัจจุบันหลังภาคอสังหาริมทรัพย์จีนฟองสบู่แตก มูลค่าการลงทุนในอาคารทั้งสองนี้ มีมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 17,400 ล้านบาท หากดูจากดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก หรือ Bloomberg Billionaires Index จะถือว่าเป็นจำนวนพอ ๆ กับที่ จางและพาน ถือครองในบริษัทที่สร้างความมั่งคั่งให้ทั้งสองที่กรุงปักกิ่ง
ดังนั้น เรื่องราวของจางและพานจึงเป็นกรณีศึกษาว่า พวกเขาเตรียมตัวอย่างไร
5 กระบวนท่ารอดพ้นดาบ
ยุทธศาสตร์ 5 กระบวนท่าของทั้งสองเริ่มจาก สร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในจีนก่อน จากนั้นนำเข้าตลาดโลก แล้วแบ่งขายเป็นเงินดอลลาร์หลายพันล้าน ต่อมาก็จัดตั้งออฟฟิศครอบครัวในต่างแดน แล้วซื้ออสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติ
ด้วยสูตรนี้ ทำให้ทรัพย์สินของทั้งสองได้รับการปกป้อง ในขณะที่ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีพันล้านรายอื่น ๆ ดิ่งลงพรวดพราดจากการตวัดดาบของท่านผู้นำ สี จิ้นผิง
“มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์หลายคนของจีนน่าจะอิจฉาอยู่” บร็อก ซิลเวอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไค่หยวน แคปิตอล กล่าวให้มุมมอง และว่า การตัดสินใจของจางและพานที่ถอนตัวออกจากความไม่แน่นอนในภาคอสังหาฯ ของจีน น่าจะเป็นเรื่องที่มองออกล่วงหน้า
แต่คู่สามีภรรยาไม่ได้ให้ความเห็นถึงประเด็นนี้ที่บลูมเบิร์กส่งถามไป ทั้งทางบริษัทโซโห และทางบริษัท เซเวน วัลลีย์
โพรไฟล์ใหม่ในสหรัฐ
ตอนนี้ คุณผู้หญิงจาง และคุณผู้ชายพาน ฝังตัวอยู่ในสังคมสหรัฐ ทั้งสองมักปรากฏตัวในงานอีเวนต์ด้านกีฬาและสังคมอยู่บ่อยครั้ง จากการที่เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จางอยู่ในกลุ่มที่ปรึกษาทั่วโลกของสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำบุญรายใหญ่ในจีน ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับมหาเศรษฐีที่ปรารถนาอยู่ในกรอบคนดีของระบอบจีน
แต่ชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติในจีนนั้นแตกต่างออกไป เมื่อถูกไล่บี้ทรัพย์สิน อย่างกรณี สวี่ เจียยิ่น ผู้ก่อตั้ง ไชน่า เอฟเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) ทรัพย์สินหายฮวบไปแล้ว 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1 ล้านล้านบาท นับจากปี 2563
สวี่ถูกบีบให้ควักเงินในกระเป๋าออกมาช่วยกิจการของตนเอง ในขณะที่บริษัท ซูแนค ไชน่า โฮลดิงส์ (Sunac China Holdings Ltd.) ของ ซุน หงปิน ต้องพยายามปรับโครงสร้างสัญญา หลังจากบริษัทตกที่นั่งลำบาก ไม่อาจชำระหนี้เป็นเงินดอลลาร์ได้
สำหรับคู่รัก พานและจาง ก็ไม่ถึงกับรอดพ้นจากไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากการฟาดฟันของทางการจีน เมื่อปีก่อน บริษัทแบล็กสโตน อิงค์ (Blackstone Inc.) ล้มเลิกแผนที่จะเข้าซื้อกิจการของโซโห มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1 แสนล้านบาท หลังจากทางการจีนเตือนว่า การเทกโอเวอร์นี้จะไม่เป็นที่พอใจ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการจัดทำดีลอื่น ๆ ในอนาคตด้วย
ปีนี้ ราคาหุ้นของโซโหจึงดิ่งไปแล้ว 23% และถ้าย้อนไปถึงช่วงพีกเมื่อปี 2560 ราคาหุ้นดิ่งไปเกือบ 90% แล้ว
ขยับถูกที่ถูกเวลา
สาเหตุที่ทรัพย์สินส่วนตัวของจางและพานรอดพ้นมาได้ ผู้ใกล้ชิด 4 คนของสามีภรรยาคู่นี้ ต่างเห็นตรงกันว่า มาจากการตัดสินใจนำหุ้นโซโหเข้าตลาดฮ่องกง แทนที่จะเป็นตลาดในแผ่นดินใหญ่
เพราะการโยกย้ายหุ้นออกจากฮ่องกงนั้นทำได้อิสระ ไม่เข้มงวดเหมือนกับในจีน อีกทั้งยังนำไปขายในตลาดต่างแดนได้ด้วย
ดังนั้น เมื่อตัดขายกระจายหุ้นโซโห สามีภรรยาผู้ก่อตั้งบริษัทจึงได้เงินจากการแบ่งหุ้นและได้อัตราผลตอบแทนจากเงินทุน มูลค่าเกือบ 1,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 62,000 ล้านบาท และนำไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของนครนิวยอร์กดังกล่าว
อาคารจีเอ็ม เป็นที่ตั้งของร้านระดับแฟลกชิปของบริษัท แอปเปิล ในแมนฮัตตัน มูลค่า 3,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.1 แสนล้านบาท มีหนังสือชี้ชวนจากเจ้าของหลักของบริษัท บอสตัน พร็อพเพอร์ตี และกลายเป็นออฟฟิศ มูลค่าสูงที่สุดในสหรัฐ ซึ่งสามีภรรยา จางและพานถือครองหุ้นอยู่ 20%
ทั้งสองยังซื้อหุ้น 49% ของอาคารพาร์ก แอวะนิว พลาซา เมื่อปี 2554 อาคารแห่งนี้มีพื้นที่ 1.2 ล้านตารางฟุต หรือราว 1.1 แสนตารางเมตร เป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่ อย่าง มอร์แกน สแตนลีย์ และบรรดาบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ แห่งต่าง ๆ
มุ่งทำบุญให้ทุน นศ.จีน
สำหรับการทำการกุศลของสามีภรรยาคู่นี้ สร้างความฮือฮาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ทั้งสองให้ทุนสนับสนุนนักศึกษาจีนที่มาเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยเยล สองสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก มาตั้งแต่ปี 2557
แม้ว่าการให้ทุนลักษณะนี้จะถูกโจมตีในโซเชียลมีเดีย ว่าไม่ยอมบริจาคเงินให้คนในจีนทั้งที่ก่อร่างสร้างธุรกิจในจีนมาก่อน กลับไปให้เงินสถาบันการศึกษาของอเมริกา (ลูกชายของทั้งสอง คนหนึ่งเรียนฮาร์วาร์ด อีกคนเรียนเยล)
แม้ว่าถึงตอนนี้ เสียงโจมตีนี้จะเบาบางลงไป เพราะพานก็มอบเงินให้โครงการการศึกษาที่บ้านเกิดของเขาที่มณฑลกานซู นอกจากนี้ จางและพานต่างลาออกจากตำแหน่งประธานและประธานบริหารบริษัทโซโหไปแล้ว เพื่อมุ่งทำการกุศลอย่างเต็มที่
เจฟฟรีย์ โจนส์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มองว่า เป็นการถอนตัวที่สง่างามแต่ไม่ปกติ
“ดูเหมือนจะเป็นความฝันของสี จิ้นผิงที่ต้องการให้ภาคธุรกิจทำความดีและสร้างความมั่งคั่งพื้นฐานให้สังคม แม้ว่าเศรษฐีเหล่านี้จะต้องควักกระเป๋าความร่ำรวยออกมามากมาย ดังนั้นทั้งสองน่าจะไม่ต้องเผชิญกับการเอาคืนจากทางการ เหมือนกับที่ตระกูลร่ำรวยต้องเจอ” โจนส์กล่าว
สำหรับบรรดาผู้ร่ำรวยที่พยายามจะออกจากจีน ผู้ก่อตั้งโซโหแสดงให้เห็นแล้วว่า มีหนทางเดียวที่เป็นไปได้ แม้ว่าจะยากมากตามเงื่อนไขในปัจจุบันที่ตลาดอสังหาฯ ถูกคุมเข้มหนักขึ้น ก็คือ ต้องมีแผนเตรียมรองรับไว้
“จังหวะเวลาสำคัญที่สุด” วิกเตอร์ สือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานดิเอโก กล่าว และว่า การย้ายทรัพย์สินออกไปนอกประเทศ สะท้อนถึงการประเมินด้วยสายตาที่ชัดเจน มองออกถึงจุดอ่อนด้อยที่สุดของสิทธิและความคุ้มครองทรัพย์สินในจีน
….