โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ อ้างข้อมูลหน่วยข่าวกรอง ชี้ กลุ่มแวกเนอร์ บริษัททหารเอกชนรัสเซีย รับอาวุธจากเกาหลีเหนือ
วันที่ 23 ธันวาคม 2565 เอพีรายงานว่า ทำเนียบขาวระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กลุ่มแวกเนอร์ (Wagner Group) ซึ่งเป็นบริษัททหารเอกชนของรัสเซีย ได้รับการส่งมอบอาวุธจากเกาหลีเหนือ เพื่อช่วยสนับสนุนกองกำลังในขณะที่พวกเขาร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทหารรัสเซียในยูเครน
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
“จอห์น เคอร์บี” โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯที่ระบุว่า เกาหลีเหนือเสร็จสิ้นการจัดส่งอาวุธ ซึ่งรวมถึงจรวดและขีปนาวุธเมื่อเดือนที่แล้ว
“เราประเมินว่าจำนวนอาวุธที่ถูกส่งไปให้กลุ่มแวกเนอร์จะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามรบในยูเครน” เคอร์บีกล่าวและว่า “แต่เรากังวลว่าเกาหลีเหนือกำลังวางแผนที่จะส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารเพิ่มเติม”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของไบเดนกล่าวว่า การขายอาวุธให้กลุ่มทหารเอกชน เกาหลีเหนือกำลังละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ ที่ห้ามเกาหลีเหนือนำเข้าหรือส่งออกอาวุธ
เอกอัครราชทูต “ลินดา โธมัส-กรีนฟีลด์” ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ เรียกการกระทำดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” ที่รัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร ขณะนี้กำลังใช้อาวุธที่จัดหาจากเกาหลีเหนือและอิหร่าน เพื่อทำสงครามรุกรานยูเครน
ด้านโฆษกจากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวในถ้อยแถลงว่า เกาหลีเหนือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในหลักการเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง “การซื้อขายอาวุธ” ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้น
แต่โฆษกเกาหลีเหนือไม่ได้กล่าวถึงการประเมินของสหรัฐฯที่ว่าเกาหลีเหนือส่งอาวุธไปให้กลุ่มแวกเนอร์ ทั้งยังกล่าวหาสหรัฐฯว่าก่ออาชญากรรมนำไปสู่การนองเลือดและสร้างความเสียหายให้กับยูเครน ด้วยการจัดหาอาวุธจำนวนมากให้กับยูเครน ขณะเดียวกันก็กล่าวสนับสนุนรัสเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ผมอยากจะบอกว่าคนรัสเซียเป็นคนที่กล้าหาญที่สุด ที่มีความตั้งใจและความสามารถในการปกป้องความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศของตน โดยปราศจากการสนับสนุนทางทหารจากผู้อื่น” เขากล่าว
เคอร์บีกล่าวอีกว่า ขณะนี้สหรัฐฯประเมินว่าแวกเนอร์มีบุคลากรประมาณ 50,000 คนที่ต่อสู้ในยูเครน ซึ่งรวมถึงทหารรับจ้าง 10,000 คน และนักโทษ 40,000 คนที่บริษัทคัดเลือกมาจากเรือนจำ
สหรัฐฯประเมินว่าแวกเนอร์ ซึ่งมีเจ้าของคือ “เยฟจินี ปริโกซิน” พันธมิตรของ “วลาดิมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย กำลังใช้เงินประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในการสู้รบครั้งนี้
ทหารรับจ้างของกลุ่มแวกเนอร์ยังถูกกล่าวหาจากชาติตะวันตกและผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมากทั่วแอฟริกา รวมถึงสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ลิเบีย และมาลี
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “แอนโทนี บลิงเกน” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าเขาได้กำหนดให้กลุ่มแวกเนอร์อยู่ในรายชื่อ “หน่วยงานที่น่ากังวลเป็นพิเศษ” กรณีความเคลื่อนไหวของบริษัทในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง
แวกเนอร์เผชิญการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2560 โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้เปิดเผยมาตรการชุดใหม่จำกัดการส่งออกไปยังแวกเนอร์ เพื่อพยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีและเสบียง
ทำเนียบขาวพยายามเน้นย้ำการค้นพบของหน่วยข่าวกรองที่แสดงให้เห็นว่า รัสเซียซึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อรักษาอุปทานอาวุธให้คงที่สำหรับสงครามในยูเครน และกำลังถูกบีบจากมาตรการคว่ำบาตรที่จำกัดการเข้าถึงส่วนประกอบสำคัญสำหรับการผลิตอาวุธ มีตัวเลือกที่จำกัดในการจัดหาอาวุธ
รัสเซียยังหันไปหาอิหร่านเพื่อการจัดหาโดรนไปใช้ในยูเครน และฝ่ายบริหารของไบเดนได้แสดงความกังวลว่ารัสเซียอาจพยายามจัดหาอาวุธเพิ่มเติมจากอิหร่านด้วย
ก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวระบุว่า รัสเซียหันไปใช้ปืนใหญ่จากเกาหลีเหนือ
ขณะที่รัฐบาลอังกฤษประณามรัสเซียกรณีการซื้ออาวุธของกลุ่มแวกเนอร์
“ข้อเท็จจริงที่ว่าประธานาธิบดีรัสเซียกำลังหันไปขอความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ เป็นสัญญาณของความสิ้นหวังและโดดเดี่ยวของรัสเซีย” เจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ กล่าวในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่า “เราจะทำงานร่วมกับพันธมิตรของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเกาหลีเหนือจะยอมชดใช้ หลังจากสนับสนุนการทำสงครามที่ผิดกฎหมายของรัสเซียในยูเครน”
เกาหลีเหนือพยายามกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ในขณะที่ยุโรปและตะวันตกส่วนใหญ่ถอยห่างจากรัสเซีย
ถ้อยแถลงเมื่อวันศุกร์มีจุดประสงค์หลักเพื่อปฏิเสธรายงานของสื่อญี่ปุ่นที่รายงานว่า เกาหลีเหนือขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังรัสเซียโดยรถไฟ ถ้อยแถลงนี้ยังชี้ว่ารายงานข่าวของญี่ปุ่นนั้นเป็นรายงาน “เท็จ” และ “สิ่งลวงที่ไร้สาระที่สุด” ซึ่งไม่คุ้มกับการแสดงความเห็นหรือการตีความใด ๆ
ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังแสวงหาเชื้อเพลิงจากรัสเซีย ตลอดจนการถ่ายโอนเทคโนโลยีและเสบียงที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาขีดความสามารถทางทหาร ในขณะที่เกาหลีเหนือพยายามพัฒนาระบบอาวุธที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่สหรัฐฯและพันธมิตร
ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือได้สาธิตการใช้อาวุธหลายครั้ง ขณะที่สหรัฐฯและเกาหลีใต้ได้ยกระดับการฝึกซ้อมป้องกันร่วมกัน
โธมัส-กรีนฟีลด์ กล่าวว่า การซื้ออาวุธของแวกเนอร์มีส่วนทำให้เกิดความไม่มั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี เพราะถือเป็นการให้ทุนกับเกาหลีเหนือ เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการอาวุธทำลายล้างสูงและขีปนาวุธต้องห้ามต่อไป
“รัสเซียไม่เพียงปกป้องเกาหลีเหนือ จากพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและคุกคาม แต่ยังเป็นผู้ร่วมมือกับพฤติกรรมดังกล่าวด้วย” โธมัส-กรีนฟีลด์ กล่าวเสริม