
ส่งท้ายเดือนมกราคม หุ้นอดานี ร่วงกราวอีกระลอก หลังสูญมูลค่าในตลาดแล้วกว่า 2.3 ล้านล้านบาท
วันที่ 31 มกราคม 2566 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า นักลงทุนเทขายหุ้นอดานี-Adani กิจการของนายโกตัม อดานี มหาเศรษฐีโลกชาวอินเดีย ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทร่วงหนักอีกครั้ง หลังจากสูญเสียมูลค่าในตลาดไปแล้ว 70,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.3 ล้านล้านบาท ภายในเวลารวดเร็ว หลังเผชิญข้อกล่าวหาฉ้อโกง ฉ้อฉล ครั้งมโหฬาร
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ 1 เม.ย.66 รับเงินคนละกี่บาทต่อเดือน เช็กที่นี่
- เปิดฐานะ เงินกองทุนแบงก์ไทย แข็งแกร่งจริงไหม?
- ราชกิจจาฯประกาศ อัตราผลประโยชน์เงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตน ม.40
ความสูญเสียล่าสุดของบริษัทมาจากการเทขายหุ้น 2,500 ล้านดอลลาร์ และมีผู้จองซื้อเพียง 21% ช่วงเที่ยงวัน ขณะที่หุ้นของอดานี โททัล แก๊ส (Adani Total Gas) ร่วงหนักที่สุด เมื่อดิ่งลงตั้งแต่ช่วงเช้า 10%

ส่วนหุ้นของบริษัทโททัลอีเนอร์จีส์ (TotalEnergies) ของฝรั่งเศส ซึ่งถือครองสัดส่วนหุ้นของอดานี โททัล แก๊ส อยู่ 37.4% สูญเสียมูลค่าตลาดตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อนถึง 45%
ด้านหุ้นอดานี พาวเวอร์ และอดานี วิลมาร์ ต่างดิ่งลงเช่นกันที่ 5% ทั้งสองบริษัท ขณะที่อดานี กรีน อีเนอร์จี ลดลงไป 2.58%
สำหรับอดานี ทรานส์มิชชัน และอดานี พอร์ตส์ กิจการแฟลกชิปของอดานี เอ็นเทอร์ไพรส์ ปิดด้วยราคาสวนทาง คือสูงขึ้น 3.5% แต่ก็ยังต่ำกว่าราคา 3,112-3,276 รูปี จึงทำให้ราคาถูกกว่าที่ขายในตลาดเปิด

สถานการณ์หุ้นอดานีร่วงกราวรูดครั้งนี้ เป็นผลมาจากการเปิดรายงาน ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช กลุ่มการลงทุนของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. กล่าวหาอดานีเล่นแร่แปรธาตุ ฉ้อโกง ฉ้อฉล ปั่นหุ้น แต่งบัญชี มานานหลายสิบปีแล้ว
มหาเศรษฐีอดานีตอบโต้ข้อครหาอื้อฉาวนี้ว่า บริษัทตกเป็นเหยื่อการปองร้ายที่มุ่งทำลายชื่อเสียง พร้อมออกเอกสารโต้แย้งข้อกล่าวหาของฮินเดนเบิร์กถึง 413 หน้าที่สรุปได้ว่า “ไม่มีอื่นใดนอกจากคำโกหกพกลม” ทั้งยังเรียกรายงานฮินเดนเบิร์กว่า “เมดอฟฟส์แห่งแมนฮัตตัน” เพื่อเปรียบเทียบกับนายเบอร์นี เมดอฟฟ์ พ่อมดการเงินที่หลอกลวงผู้คน
“นี่เป็นการโจมตีที่ไม่เป็นธรรมเลยต่อบริษัท เป็นการโจมตีที่วางแผนการมาต่ออินเดีย ต่อองค์กรของอินเดียที่มีคุณภาพ มั่นคง และเป็นอิสระ ทั้งยังปองร้ายต่อการเติบโตและกระตือรือร้นของอินเดีย”
สำหรับตัวนายอดานี สูญทรัพย์สินส่วนตัวจากกรณีอื้ออึงนี้ไปแล้วมากกว่า 36,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.18 ล้านล้านบาท ร่วงจากมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก ลงไปอยู่อันดับ 8 จากการอัพเดตของฟอร์บส