ญี่ปุ่น เงินเฟ้อทั่วไปกุมภาพันธ์’66 ลด แต่เงินเฟ้อพื้นฐานสูงสุดในรอบ 32 ปี

เงินเฟ้อญี่ปุ่น กุมภาพันธ์ 2566
AFP/ Richard A. Brooks

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) ของญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยังสูง 3.2% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 32 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณแรงกดดันเงินเฟ้อที่ขยายวงกว้างขึ้น แม้ว่าเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3.3% ลดลงจาก 4.2% ในเดือนมกราคม แต่ก็เป็นผลมาจากการอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาล

วันที่ 3 มีนาคม 2566 สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานอ้างอิง Reuters ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในกรุงโตเกียวซึ่งสะท้อนภาพรวมของประเทศญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 3.3% ลดลงจาก 4.2% ในเดือนมกราคม (MoM) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 42 ปี เป็นผลมาจากการอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาลที่เริ่มเห็นผล 

แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ที่ตัดราคาสินค้าหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานออกไปยังสูง 3.2% สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และเป็นสถิติสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 32 ปี นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2534 ซึ่งเป็นสัญญาณแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ขยายวงกว้างขึ้น  

ราคาพลังงานในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 5.3% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ลดลงมากเมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2566 ที่เพิ่มขึ้น 26.0% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ราคาอาหารสดในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 7.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราการเพิ่มของเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้น 7.4%

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลอีกชุดหนึ่ง อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ 2.4% ในเดือนมกราคม ชี้ให้เห็นว่าภาคธุรกิจต่างต้องการแรงงานและจะทำให้บริษัทต่าง ๆ เพิ่มค่าจ้าง ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของครัวเรือนจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น 

อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อภาคบริการ ซึ่งธนาคารกลางญี่ปุ่นมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุการเติบโตของค่าจ้างอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มจาก 1.2% ในเดือนมกราคม 

ก่อนหน้านี้ผู้กำหนดนโยบายของ BOJ ได้เน้นย้ำหลายครั้งถึงความจำเป็นในการคงนโยบายแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษเอาไว้ จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน พร้อมกับการเติบโตของค่าจ้างที่สูงขึ้น

นักวิเคราะห์มองว่า ข้อมูลที่ออกมาทำให้เกิดข้อสงสัยต่อมุมมองของธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan: BOJ) ว่าอัตราเงินที่เกิดจากการผลักของต้นทุนนั้นจะปรากฏชั่วคราว และน่าจะทำให้ธนาคารกลางอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยุติมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่

“อัตราเงินเฟ้อในเมืองหลวงลดลงน้อยกว่าที่เราคาดไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึง upside risks ในการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของเราที่คาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่นภายในกลางปี” ดาร์เรน เทย์ (Darren Tay) นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าว

ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เกินเป้าหมาย การควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve Control : YCC) ของธนาคารกลางญี่ปุ่นกำลังถูกโจมตีจากนักลงทุนที่เดิมพันว่าอีกไม่นาน BOJ ก็จะต้องเปลี่ยนนโยบายและอนุญาตให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น

ทั้งนี้ ภายใต้การควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร BOJ กำหนดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 0% โดยกำหนดเพดานไว้ที่ 0.5% 

ตอนนี้ตลาดเต็มไปด้วยการเก็งกำไรว่าธนาคารกลางจะยุติหรือละทิ้งการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้