ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอนาคตของการใช้ยานยนต์ทั่วโลก อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าได้แผ่กระจายความมั่งคั่งไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวว่า เพียงคำสั่งซื้อเดียวจากบริษัทเทสลา (Tesla) ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ทำให้ครอบครัวหนึ่งรวยขึ้นหลายร้อยล้านดอลลาร์
Bloomberg รายงานเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 ว่า ราคาหุ้นของ L&F Corp. บริษัทผู้ผลิตนิกเกิลแคโทดในเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 82% ในปีนี้ หลังจากได้รับคำสั่งซื้อเดียวเป็นมูลค่า 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (99,649 ล้านบาท) จากบริษัทรถยนต์เทสลา ทำให้ตอนนี้ ครอบครัวของฮอแจฮง (Huh Jae-hong) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทมีความมั่งคั่งมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27,500 ล้านบาท
“ประชาชาติธุรกิจ” นำมูลค่าหุ้นที่ครอบครัวนี้ถือครองอยู่ปัจจุบันราว 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาคิดคำนวณตามสัดส่วนที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 82% ได้ตัวเลขชี้ลงไปว่า ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวนั้น ทำให้พวกเขามั่งคั่งเพิ่มขึ้นราว 360 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 12,400 ล้านบาท จากเดิมที่มูลค่าหุ้นที่ครอบครัวนี้ถือครองอยู่มีมูลค่าประมาณ 440 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 15,100 ล้านบาท
Bloomberg รายงานว่า วัสดุแคโทดนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนหน้านี้ เทสลาเป็นลูกค้าของ L&F ในทางอ้อมมาหลายปี ผ่านการซื้อแบตเตอรี่จาก LG Energy Solution ซึ่ง LG ได้ใช้แคโทดของ L&F ในการผลิตแบตเตอรี่เหล่านั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เทสลาสั่งซื้อวัสดุแคโทดโดยตรงจาก L&F ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของ L&F
ก่อนหน้านี้ รายได้ส่วนใหญ่ของ L&F มาจากการผลิตแคโทดป้อน LG Energy Solution แต่หลังจากมีข้อตกลงได้เป็นผู้จัดหาแคโทดให้เทสลาโดยตรงแล้ว คาดว่ารายได้ของ L&F จากการพึ่งพา LG Energy Solution จะลดลงเหลือ 50% ของรายได้รวม ภายในปี 2568
มูลค่าหุ้นของ L&F และความมั่งคั่งของเจ้าของมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อได้รับออร์เดอร์ต่อ ๆ ไปจากเทสลาอีก
โร อูโฮ (Rho Wooho) นักวิเคราะห์จาก Meritz Securities Co. ในกรุงโซลกล่าวว่า L&F พร้อมแล้วสำหรับการเติบโตต่อไป ทิศทางธุรกิจของ L&F มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีและประสิทธิภาพการผลิต จึงดูเหมือนว่าจะมี DNA ที่ดี
สำหรับ L&F Corp. นั้นเป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ LG และ GS Group เนื่องจากปู่ทวดของ ฮอแจฮง เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ซึ่งในเวลาต่อมากลายเป็น LG ส่วนอีกสาขาหนึ่งของตระกูลนี้ก็เป็นผู้ก่อตั้ง GS Group ส่วน L&F เองนั้นก่อตั้งในปี 2000
ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของเจ้าของ L&F ก็เป็นเช่นเดียวกันกับอีกหลายบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนหรือวัสดุให้แก่บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ที่มูลค่าหุ้นสูงขึ้นพรวดพราดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นบริษัทเหล่านั้นเพิ่มขึ้นสูงเกินจริง
ตัวอย่างผู้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ารายก่อนหน้านี้คือ รยู กวังจี (Ryu Kwang-ji) ประธานบริษัทเคมีภัณฑ์ Kumyang ซึ่งมูลค่าหุ้นที่เขาถืออยู่เพิ่มเป็น 1,400 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 1,600% ในปีที่ผ่านมา อีกกรณีคือ บริษัท Ecopro Co. ผู้ผลิตวัสดุสำหรับผลิตแบตเตอรี่ ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 500% ในเวลาเพียงปีเดียว และทำให้มูลความมั่งคั่งของผู้ก่อตั้ง ลี ดองแช (Lee Dong-chae) และครอบครัวของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3,100 ล้านดอลลาร์