ไปต่อไม่ไหว บริษัทสหรัฐล้มละลาย 236 แห่ง ใน 4 เดือนแรกปีนี้ มากสุดนับตั้งแต่ปี 2553

บริษัทสหรัฐล้มละลาย
AFP/ Patrick T. Fallon


ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทสหรัฐยื่นขอล้มละลายแล้ว 236 บริษัท เป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน โดยธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นภาคธุรกิจที่ล้มละลายมากที่สุด รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรมการผลิต 

S&P Global Market Intelligence เผยแพร่ข้อมูลเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 ว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 นี้ บริษัทสหรัฐยื่นขอคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2553 แม้ว่ายอดการยื่นล้มละลายในเดือนเมษายน 2566 จะชะลอลงแล้วจากที่พุ่งสูงมากในเดือนมีนาคม 2566  

ในเดือนเมษายนมีบริษัทยื่นคำร้องขอบริษัทล้มละลาย 54 ฉบับ ลดลงจากเดือนมีนาคมที่มีการยื่น 70 ฉบับ ทำให้ยอดสะสม 4 เดือนแรกรวมเป็น 236 บริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าของตัวเลขช่วง 4 เดือนแรกของปีที่แล้ว และเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 

ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีบริษัทที่มีหนี้สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ 8 แห่งได้ยื่นล้มละลาย และแนวโน้มเคสการล้มละลายที่มีขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่การยื่นล้มละลายกำลังเพิ่มขึ้นในวงกว้าง  

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 S&P Global Market Intelligence ก็ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า ในสองเดือนแรกของปี 2566 จำนวนการยื่นขอล้มละลายก็สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน โดยในเดือนมกราคม 2566 มีการยื่นขอล้มละลาย 57 บริษัท และในเดือนกุมภาพันธ์มีการยื่น 54 บริษัท 

ถ้าพิจารณาแยกตามภาคธุรกิจ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจขายสินค้าที่ผู้บริโภคต้องพินิจพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ หรือสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) เป็นกลุ่มธุรกิจที่ยื่นล้มละลายมากกว่าภาคธุรกิจอื่น ๆ โดยล้มละลายไป 30 บริษัท ในช่วง 4 เดือนแรก รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม (industrials) ที่ล้มละลาย 23 บริษัท ตามมาด้วยภาคธุรกิจการเงิน (financial) ล้มละลาย 18 บริษัท และภาคธุรกิจการดูแลสุขภาพ (healthcare) ล้มละลาย 18 บริษัท 

บริษัทสหรัฐล้มละลาย
REUTERS/Brian Snyder


ยกตัวอย่างกรณีบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักที่ล้มละลาย คือ Bed Bath & Beyond Inc. (เบด บาธ แอนด์ บียอนด์) บริษัทค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ภายในบ้าน ได้ยื่นขอล้มละลายเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2566 ซึ่งบริษัทเปิดเผยว่า มีแผนจะขายทรัพย์สินของบริษัท และวางแผนจะปิดร้านที่มีอยู่เกือบ 500 แห่ง เว้นแต่ว่าจะปิดดีลขายกิจการได้แล้วเจ้าของใหม่จะดำเนินธุรกิจนี้และเปิดร้านต่อ  

อีกบริษัท คือ Virgin Orbit Holdings Inc. (เวอร์จิน ออร์บิต โฮลดิ้ง) บริษัทให้บริการระบบปล่อยยานอวกาศ ที่ยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายเมื่อวันที่ 4 เมษายน เพื่อหาผู้ซื้อกิจการ เนื่องจากบริษัทไม่สามารถระดมเงินได้เพียงพอเพื่อให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ 

บริษัทหนึ่งที่โดดเด่นจากภาคธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) ที่ยื่นขอล้มละลาย คือ David’s Bridal LLC (เดวิด ไบรดัล) ธุรกิจร้านค้าปลีกเสื้อผ้าสำหรับงานแต่งงานและกิจกรรมพิเศษ ที่ยื่นขอล้มละลายเมื่อวันที่ 16 เมษายน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากบริษัทเปิดเผยแผนการลดพนักงาน 9,236 คนทั่วประเทศ 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายธนาคารและนักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำลง และธุรกิจในสหรัฐจะล้มละลายมากขึ้น ส่วน S&P Global Ratings คาดว่าบริษัทในสหรัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับต่ำสุดจะผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น เนื่องจากมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากการที่รายได้ของบริษัทหดตัว การว่างงานที่สูงขึ้น และนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น 

อ้างอิง : 

อ่านเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :