JPMorgan แบงก์ใหญ่สุดของสหรัฐ ซื้อกิจการ First Republic แล้ว 

JPMorgan ซื้อ First Republic Bank

JPMorgan ธนาคารใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ซื้อกิจการธนาคาร First Republic ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลสหรัฐเรียบร้อยแล้ว

จากกรณีราคาธนาคาร First Republic ในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาสภาพคล่องตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าได้รับการช่วยเหลือไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยธนาคารขนาดใหญ่ 11 แห่ง นำเงินไปฝากใน First Republic เพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น บรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corporation : FDIC) จึงได้เจรจาหาผู้เข้าซื้อกิจการ First Republic ให้ทันก่อนที่จะล้ม

ลาสุด วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 JPMorgan Chase & Co. (เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค) ชนะการประมูลเพื่อซื้อกิจการธนาคาร First Republic (เฟิสท์ รีพับลิก) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ FDIC แล้ว 

บรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) แถลงว่า ณ วันที่ 13 เมษายน 2023 ธนาคาร First Republic มีสินทรัพย์รวมประมาณ 229,100 ล้านดอลลาร์ และเงินฝากทั้งหมด 103,900 ล้านดอลลาร์ 

JPMorgan จะเข้าครอบครองสินทรัพย์และสินเชื่อส่วนใหญ่ของ First Republic ซึ่งรวมถึงเงินกู้ประมาณ 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลักทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินฝาก 92,000 ล้านดอลลาร์ โดย JPMorgan และ FDIC ตกลงที่จะร่วมรับความเสี่ยงจากสินเชื่อของ First Republic รวมถึงการเรียกคืนเชื่อครัวเรือนและสินเชื่อเชิงพาณิชย์

FDIC ประมาณการว่า ความเสียหายที่กองทุนประกันเงินฝากจะต้องรับผิดชอบอยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์ 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เจมี่ ไดมอน (Jamie Dimon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JPMorgan กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความแข็งแกร่งทางการเงิน ขีดความสามารถ และรูปแบบธุรกิจของเราช่วยให้เราสามารถเพิ่มการเสนอราคาประมูล เพื่อดำเนินการธุรกรรมที่ลดความเสียหายให้กับกองทุนค้ำประกันเงินฝาก”

ธุรกรรมดังกล่าวทำให้ JPMorgan ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐพยายามหลีกเลี่ยงในอดีต เนื่องจากสหรัฐมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบว่าด้วยขนาดของธนาคาร ซึ่งขนาดของ JPMorgan และส่วนแบ่งเงินฐานเงินฝากในสหรัฐที่ JPMorgan มีอยู่ จะทำให้ไม่สามารถขยายฐานเงินฝากเพิ่มเติมผ่านการซื้อกิจการธนาคารอื่นได้ภายใต้สถานการณ์ปกติ แต่กรณีนี้ได้รับการยกเว้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ 

JPMorgan ซื้อ First Republic Bank
AFP/ Patrick T. Fallon

ตามแถลงการณ์ระบุว่า JPMorgan คาดว่าจะรับรู้ผลกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 2,600 ล้านดอลลาร์ จากการทำธุรกรรมซื้อกิจการ First Republic และประเมินว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างที่เกี่ยวข้อง 2,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 18 เดือนข้างหน้า 

JPMorgan ให้คำมั่นว่าจะชำระคืนเงินฝาก 30,000 ล้านดอลลาร์ที่ JPMorgan และธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ ของสหรัฐเสริมสภาพคล่องให้กับ First Republic ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพทางการเงินของธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 14 ของสหรัฐ 

สำหรับสินเชื่อ 173,000 ล้านดอลลาร์ และสินทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์ ที่รวมอยู่ในดีลซื้อกิจการนี้ JPMorgan และ FDIC ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมรับความเสี่ยง ครอบคลุมสินเชื่อจำนองที่อยู่อาศัยของภาคครัวเรือน และสินเชื่อเชิงพาณิชย์ 

The New York Times รายงานว่า First Republic มีลูกค้าจำนวนมากอยู่ในอุตสาหกรรมสตาร์ตอัพ (คล้ายกับ Silicon Valley Bank) และในอุตสาหกรรมการเงิน รวมถึงนายธนาคารระดับอาวุโส และผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ บัญชีลูกค้าของ First Republic จำนวนมากมีเงินฝากมากกว่า 250,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินที่เกินการรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง 

การล่มสลายของ First Republic อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคธนาคารของสหรัฐ ซึ่งเริ่มต้นจากความล้มเหลวของ Silicon Valley Bank ทำให้ธนาคารและนักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารและนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การระมัดระวังของธนาคารนั้นอาจทำให้การปล่อยสินเชื่อยากขึ้น และมีต้นทุนจ่ายสูง ขัดขวางการขยายธุรกิจและการจ้างงาน 

The New York Times รายงานอีกว่า สาขาของ First Republic จำนวน 84 สาขาใน 8 รัฐในสหรัฐอเมริกาจะเปิดเป็นสาขาของ JPMorgan นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้