‘สงครามการค้าสหรัฐ-จีน’ ระอุ! หลังทรัมป์ลงนามรีดภาษีนำเข้าจากจีนกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์

REUTERS/Jonathan Ernst

บลูมเบิร์ก รายงานว่า คืนวันที่ 22 มี.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี มุ่งจุดประสงค์การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน โดยเล็งกำหนดเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้ากว่า 1,300 รายการ ซึ่งจะเก็บภาษีเพิ่มได้กว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอ้างว่าเป็นการมุ่งลงโทษจีนในกรณีการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า “มาตรการดังกล่าวนี้จะช่วยให้ธุรกิจสหรัฐแข็งแกร่งและมั่งคั่งขึ้น โดยการลงนามครั้งนี้เป็นเพียงมาตรการแรกของอีกหลายมาตรการที่จะตามมา ซึ่งตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนถือว่ารุนแรงที่สุด ในบรรดาประเทศอื่นๆ”

ทั้งนี้ การออกมาตรการเรียกเก็บภาษีของผู้นำทรัมป์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ทำการสอบสวนตามมาตรา 301 ต่อพฤติกรรมการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน

โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งการให้ USTR เปิดเผยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีภายใน 15 วันนับจากนี้ และภายใน 30 วัน จะเป็นช่วงเวลาสำหรับการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยล่าสุด USTR เปิดเผยเป็นนัยๆ ว่าขณะนี้รายการสินค้าที่จะตกเป็นเป้าหมายในมาตรการนี้ เป็นสินค้าจำนวน 1,300 รายการ

ส่วนนายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ยืนยันว่า ในการตั้งกำแพงภาษีครั้งนี้ จะมีรายชื่อ 6 ประเทศ ที่ได้รับการยกเว้นจากมาตรการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าระยะสั้น ซึ่งไม่ได้กำหนดถึงระยะเวลาที่ชัดเจน ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา เม็กซิโก และเกาหลีใต้ รวมถึงกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ด้วย อย่างไรก็ตาม รายชื่อประเทศดังกล่าวกลับไม่มี “ญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศพันธมิตรที่เก่าแก่ของสหรัฐฯ

REUTERS/Leah Millis

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ประกาศมาตรการตอบโต้ทันทีเกี่ยวกับการลงนามของทรัมป์ครั้งนี้ โดยระบุว่า หากสหรัฐและจีนไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นอ่อนไหวนี้ ทางการจีนจำเป็นต้องดำเนินการตอบโต้สหรัฐด้วยการตั้งกำแพงภาษีเช่นกัน โดยมีเป้าหมายพิจารณาสินค้า 128 รายการ มีมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์

พร้อมระบุว่า การดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์จีนจะแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงที่ 1 จะเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 120 รายการ รวมถึงท่อเหล็กและไวน์ ซึ่งมูลค่าอยู่ที่ 977 ล้านดอลลาร์ และต่อมาจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 25% กับสินค้านำเข้าประเภทผลิตภัณฑ์เนื้อหมูและอะลูมิเนียม รวมมูลค่าอยู่ที่ 1,990 ล้านดอลลาร์

แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า “ขั้นตอนต่อมาที่ทางการจีนกำลังพิจารณา คือ การนำเรื่องนี้ยื่นฟ้องต่อองค์กรการค้าโลก (WHO) เพื่อร้องขอการพิจารณากฏการค้าโลกให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนยังหวังว่าจะหารือกับสหรัฐและร่วมกันหาข้อสรุปได้”