เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานวันนี้ว่า รัฐบาลจีนแถลงตอบโต้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา หลังจากที่เมื่อวานนี้ ทรัมป์ลงนามกฎหมายฉบับใหม่ ขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 1,300 รายการ หวังรีดเงินจากจีนเพิ่มมากขึ้นเป็นมูลค่าเกือบ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกาศลั่นพร้อมโต้ตอบต่อมาตรการกำแพงภาษีต่างๆ ของรัฐบาลทรัมป์อย่างเต็มที่ในอนาคต
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
นับเป็นการตอบโต้อย่าง “แอกเกรสซีฟ” หรือแข็งกร้าว ของจีนต่อรัฐบาลทรัมป์ โดย “จุย เทียนไก” เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ แถลงด้วยว่า “หากใครริเริ่มสงครามการค้ากับจีน จีนก็จะสู้ยิบตา”
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีน ได้ออกแผนมาตรการทันที ในวันศุกร์ เล็งเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าสหรัฐเพิ่มขึ้น สูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ในสินค้าประเภทผลไม้ เนื้อหมู รวมไปถึงเศษเหล็กและอลูมิเนียมรีไซเคิลด้วย เป็นการตอบโต้ก่อนหน้านี้ที่ทรัมป์ออกกำแพงภาษีใหม่ ต่อการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากจีน
เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ได้ประกาศขึ้นภาษีต่อสินค้าที่ “ควร” จะขึ้น อันเป็นสินค้าส่งออกหลักมายังจีนจากสหรัฐ ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง และเครื่องบินโบอิ้ง ในกรณีนี้ อาจมองได้ว่า รัฐบาลจีนน่าจะยังไว้ท่าที เพื่อรอให้รัฐบาลสหรัฐเปิดทางเจรจาต่อรองในอนาคตอันใกล้
ขณะที่ “แฮนน่าห์ แอนเดอสัน” นักวิเคราะห์ตลาดโลกจาก เจ.พี. มอร์แกน แอสเซ็ต เมเนจเม้นต์ ระบุว่า ชนิดสินค้าที่ถูกขึ้นภาษี จะบอกได้ถึงเกิดผลกระทบต่อจีนและสหรัฐหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม เธอมองว่า สหรัฐน่าจะได้รับผลกระทบทางลบมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องราคาสินค้าสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตที่จะดีดตัวสูงขึ้น ขณะที่ปีนี้ จีนพึ่งพาตลาดสหรัฐน้อยลงกว่าปีที่แล้ว