เอเวอร์แกรนด์ มีเวลา 1 เดือน แก้แผนปรับโครงสร้างหนี้ ถ้าทำไม่ได้ โดนศาลสั่งเลิกกิจการ

เอเวอร์แกรนด์ จีน
Evergrande Center ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (ภาพโดย Hector RETAMAL / AFP)

ศาลฮ่องกงให้เวลาเอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande Group) ทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ใหม่จนถึงวันที่ 4 ธันวาคม ถ้าทำแผนใหม่เสนอไม่ทัน เจอสั่งเลิกกิจการ

วันที่ 30 ตุลาคม 2023 ศาลฮ่องกงมีกำหหนดพิจารณาคดีบริษัท เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande Group) ยักษ์อสังหาฯจีนที่ผิดนัดชำระหนี้มาแล้วเกือบ 2 ปี ซึ่งถูกฟ้องต่อศาลฮ่องกงโดยเจ้าหนี้ต่างประเทศ โดยศาลพิจารณาผ่อนผันให้เอเวอร์แกรนด์จัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ใหม่แล้วเสนอแผนภายในวันที่ 4 ธันวาคม หรืออีกราว 1 เดือนข้างหน้านี้ 

ตามการรายงานของนิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ลินดา ชาน (Linda Chan) ผู้พิพากษาศาลฮ่องกง กล่าวว่า นี่จะเป็นการเลื่อน “ครั้งสุดท้าย” ก่อนที่ศาลจะมีการพิจารณาตัดสินใจว่าจะสั่งเลิกกิจการหรือไม่

เธอกล่าวว่า คดีนี้ควรได้รับโอกาสครั้งสุดท้าย เพื่อดูว่าบริษัทเอเวอร์แกรนด์จะสามารถเสนอแผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่แก้ไขใหม่ โดยเป็นการใช้หุ้นผ่านบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสินทรัพย์รายใหญ่อื่น ๆ และอัดฉีดทุนเข้าไปในเครื่องมือการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ได้หรือไม่

ผู้พิพากษาลินดากล่าวอีกว่า เอเวอร์แกรนด์ซึ่งต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด จำเป็นต้องจัดทำแผน “ที่เป็นรูปธรรม” ก่อนการพิจารณาคดีครั้งต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถูกชำระบัญชี การเลื่อนเวลาออกไป จะช่วยให้บริษัทสามารถจัดทำข้อตกลงที่จะให้ผลตอบแทนแก่เจ้าหนี้ได้มากขึ้น ในกรณีที่มีการชำระบัญชี

ทั้งนี้ หุ้นของเอเวอร์แกรนด์ซึ่งจดดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงราคาร่วงลงมากถึง 23% ในการซื้อขายช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคมนี้ 

ฝั่งบริษัทเอเวอร์แกรนด์ได้ดำเนินการจัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว และได้เปิดเผยแผนปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่การที่ ฮุย กา ยัน (Hui Ka Yan) หรือ สวี่ เจียยิ่น (Xu Jiayin) มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งและประธานเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป โดนทางการจีนควบคุมตัวในข้อหา “ต้องสงสัยก่ออาชญากรรม” ทำให้การจัดทำและเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ซับซ้อนขึ้น

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากผิดนัดชำระหนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2021 เอเวอร์แกรนด์ได้จัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ และเปิดเผยแผนปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา จากนั้น เอเวอร์แกรนด์ได้ยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายต่อศาลสหรัฐในวันที่ 17 สิงหาคม และเอเวอร์แกรนด์บอกว่าบริษัทได้ดำเนินการตามแผนจนสามารถนำหุ้นที่ถูกระงับการซื้อ-ขายมาเป็นเวลา 17 เดือนกลับเข้าทำการซื้อขายได้อีกครั้งในวันที่ 28 สิงหาคม

ส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ คือ เอเวอร์แกรนด์ได้เสนอแลกหนี้บางส่วนเป็นหุ้นกู้ชุดใหม่อายุ 10-12 ปี แต่เอเวอร์แกรนด์ก็เจอปัญหาอีก เนื่องจาก เหิงต้า เรียลเอสเตท กรุ๊ป บริษัทลูกของเอเวอร์แกรนด์กำลังโดนสอบสวนเกี่ยวกับการละเมิดกฎระเบียบ ส่งผลให้บริษัทแม่ไม่มีคุณสมบัติที่จะออกหุ้นกู้ใหม่ได้ 

ตามกำหนดเดิมเอเวอร์แกรนด์ได้นัดประชุมเจ้าหนี้ในช่วงปลายเดือนกันยายนเพื่อขออนุมัติแผนปรับโครงสร้างหนี้ แต่ก็ได้ขอยกเลิกการประชุมโหวตแผนกะทันหัน โดยกล่าวว่าจะต้องประเมินและปรับแผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่เสนอต่อเจ้าหนี้ใหม่ 

ไม่กี่วันหลังจากประกาศว่าไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ได้และประกาศยกเลิกการประชุม เอเวอร์แกรนด์ก็ออกมายืนยันว่า ประธานบริษัทโดนควบคุมตัวจริงด้วยข้อหาต้องสงสัยก่ออาชญากรรม

ก่อนหน้านี้มีรายงานของ “รอยเตอร์” (Reuters) ที่วิเคราะห์อนาคตของเอเวอร์แกรนด์ไว้ว่า รัฐบาลจีนไม่น่าจะเข้ามาแทรกแซงและให้การสนับสนุนระยะสั้นใด ๆ ต่อเอเวอร์แกรนด์ 

ส่วนกรณีเลวร้ายที่สุดคือ “การชำระบัญชี” หรือ “การเลิกกิจการ” นั้น มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น