รายงานชี้ ถ้าอียูจะกัน “อีวีจีน” ต้องเก็บภาษี 40-55% แต่รถต่างชาติผลิตในจีนจะตายก่อน 

อีวีจีน รถจีน EV จีน BYD
รถยนต์ไฟฟ้า BYD จอดรอการส่งออกที่ท่าเรือในประเทศจีน (ภาพโดย China Daily via REUTERS)

รายงานของบริษัทวิจัย โรเดียม กรุ๊ป ชี้ ถ้าสหภาพยุโรป (อียู) อยากกัน “อีวีจีน” สำเร็จ จำเป็นต้องเก็บภาษี 40-55% แต่รถต่างชาติที่ผลิตในจีนจะถูกทำร้ายเจ็บก่อนรถจีน 

จากกรณีที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาถูกของจีนที่ไหลบ่าเข้าสู่ตลาดยุโรปได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน เพื่อให้ขายได้ในราคาถูกอย่างไม่ยุติธรรมกับคู่แข่งหรือไม่ และมีการพิจารณาที่จะปรับขึ้นภาษีการนำเข้ารถยนต์ทุกแบรนด์ที่ผลิตในจีน เพื่อปกป้องบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป

ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2024 บริษัทวิจัย โรเดียม กรุ๊ป (Rhodium Group) เผยแพร่รายงานคาดการณ์ว่า อัตราภาษีซึ่งเป็นมาตรการลงโทษจากคณะกรรมาธิการยุโรปนั้นจะน้อยเกินกว่าที่จะขัดขวางผู้ผลิตรถยนต์จีนได้ 

รายงานของโรเดียมคาดว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะกำหนดอัตราภาษีในช่วง 15-30% แต่ถึงแม้ว่าจะเก็บในอัตรานี้ก็ยังไม่สามารถกีดกันรถยนต์จีนได้ ผู้ผลิตรถยนต์ในจีนบางรายจะยังสามารถส่งรถเข้าไปขายในตลาดยุโรปได้โดยที่ยังทำกำไรได้อย่างสบาย ๆ เนื่องจากบริษัทรถยนต์ในจีนมีความได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างมาก 

โรเดียมระบุว่าการเก็บภาษีนำเข้าในช่วง 40-50% จึงจะมากพอที่จะทำให้ตลาดยุโรปกลายเป็นตลาดที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จีน และอาจจะต้องเก็บในอัตราที่สูงกว่านั้น (45-55%) สำหรับบริษัทรถยนต์จีนที่มีการบูรณาการการผลิตในแนวดิ่ง หรือผลิตเองตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อย่างเช่น บีวายดี (BYD) 

Advertisment

ในรายงานยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า รถยนต์ไฟฟ้า บีวายดี ซีล ยู (BYD Seal U) ขายในประเทศจีนในราคาคันละ 20,500 ยูโร และขายในสหภาพยุโรปในราคาคันละ 42,000 ยูโร มีกำไรในจีนโดยประมาณ 1,300 ยูโร และกำไรในยุโรป 14,300 ยูโร ด้วยกำไรที่มากกว่าการขายในประเทศหลายเท่า เป็นแรงจูงใจอันแข็งแกร่งให้บีวายดีส่งออกรถยนต์ไปขายในยุโรป 

ตามการคำนวณของโรเดียม ถ้าสหภาพยุโรปเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 30% ก็จะยังคงทำให้บริษัทรถยนต์จีนมีกำไรจากการขายรถยนต์ในยุโรปมากกว่ากำไรจากการขายในประเทศจีนอยู่ประมาณ 15% ซึ่งหมายความว่าการส่งออกไปยุโรปยังคงน่าดึงดูดใจสำหรับบริษัทรถยนต์จีน 

ดังนั้น หากคณะกรรมาธิการยุโรปต้องการประสบความสำเร็จในการกีดกันรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ก็จะต้องตั้งภาษีในอัตราที่มากพอที่จะลบกำไรส่วนเพิ่มจากการขายในสหภาพยุโรปออกให้หมด หรือให้เหลือน้อยจนบริษัทรถจีนหมดแรงจูงใจที่จะส่งรถยนต์ไปขายในตลาดยุโรป  

นอกจากนั้น โรเดียมระบุว่า การเก็บภาษีในอัตรา 15-30% อาจทำลายโมเดลธุรกิจของผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) หรือเทสลา (Tesla) ที่ใช้จีนเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังยุโรปได้ อย่างเช่น BMW iX3 มีกำไรส่วนเพิ่มจากการขายในสภาพยุโรป 9% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าหากภาษีอากรสูงกว่า 9% บริษัทจะทำรายได้จากการขายในยุโรปได้น้อยกว่าในประเทศจีน 

Advertisment

อย่างไรก็ตาม โรเดียมวิเคราะห์อีกว่า แม้ว่าภาษีอากรจะทำให้การส่งออกไปยังสหภาพยุโรปมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในจีน แต่ก็มีปัจจัยหลายประการที่ชี้ให้ว่าจีนยังคงผลักดันการส่งออกอีวีต่อไป ทั้งการเติบโตของยอดขายที่ชะลอตัวและอัตรากำไรที่น้อยลงในตลาดในประเทศ และผลผลิตใหม่จากการเพิ่มกำลังการผลิตที่กำลังจะออกสู่ตลาดในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมในประเทศจีนชะลอตัวลง  

ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนของสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 เป็น 11,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 คิดเป็นสัดส่วน 37% ของการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในอียู 

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน (รวมแบรนด์ต่างชาติ) จะมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 19% ของตลาดรวม แต่ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์จีนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวโน้มนี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทจีนเริ่มมีความแข็งแกร่งในตลาดยุโรป 

บีวายดี แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของจีน มีเป้าหมายจะครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหภาพยุโรปภายในปี 2025 และ 10% ในปี 2030 อีกทั้งตั้งเป้าจะเป็น 1 ใน 5 บริษัทยานยนต์ชั้นนำในตลาดยุโรปในระยะกลาง ซึ่งโรเดียมคาดว่า บีวายดีอาจลดราคาลงอีกเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้