ทางการญี่ปุ่นออกมาประกาศเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ว่าจะปรับขึ้นภาษีการขายขึ้นจาก 8 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ในเดือนตุลาคมปีหน้า เพื่อหารายได้ทดแทนหนี้สาธารณะที่พอกพูนขึ้น แม้ว่าจะมีการเตือนว่าการประกาศปรับขึ้นภาษีการขายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในโลกก็ตาม
การปรับขึ้นภาษีการขายของญี่ปุ่นดังกล่าวเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามองมานาน เดิมญี่ปุ่นกำหนดจะปรับขึ้นภาษีการขายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 แต่แผนการดังกล่าวถูกระงับไปถึง 2 ครั้ง เนื่องจากความหวั่นวิตกว่าอาจส่งผลกระทบกับสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงอีก ทั้งจากปัญหาประชากรสูงวัยที่ทำให้ต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก ไปจนถึงภาวะหนี้สินในประเทศสูง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ครั้งล่าสุดที่ญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มภาษีการขายคือเมื่อเดือนเมษายน 2557 ซึ่งกลายเป็นสาเหตุที่หลายฝ่ายมองว่าทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงสั้นๆ แต่ในครั้งนี้ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เชื่อมั่นว่า เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนลดการใช้จ่ายลงแบบรวดเร็วด้วยการกำหนดมาตรการที่จะรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
นายโยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในทางลบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีแผนปรับขึ้นภาษีการขายดังกล่าวอาจถูกยกเลิกได้หากมองเห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดการถดถอยของระบบเศรษฐกิจขึ้น เช่นเดียวกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2551 หลังการล่มสลายของเลห์แมน บราเธอร์ส อาทิ การงดเว้นการขึ้นภาษีการขายอาหาร โดยให้คงไว้ที่ 8 เปอร์เซ็นต์ตามเดิม
ที่มา มติชนออนไลน์