“เดโมแครต” ถอดถอน “ทรัมป์” เพิ่มความเสี่ยงการเมือง-เจรจาค้า

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก

โดย นงนุช สิงหเดชะ

ในที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นฝ่ายค้านแต่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ก็ได้ประกาศเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในข้อหาทำลายความมั่นคงของชาติและละเมิดรัฐธรรมนูญ หลังจากถูกสื่อเปิดโปงครั้งล่าสุดว่าทรัมป์ได้โทรศัพท์ไปกดดันประธานาธิบดียูเครน เพื่อให้สอบสวน นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตและบุตรชายคือ นายฮันเตอร์ ไบเดน ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทขุดเจาะก๊าซของยูเครน ทรัมป์ขู่ว่าจะระงับความช่วยเหลือยูเครนมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ หากผู้นำยูเครนไม่ยอมทำตาม

โจ ไบเดน เป็นเบอร์ต้น ๆ ของพรรคเดโมแครต ที่ถูกคาดหมายว่าจะลงชิงชัยประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่กำหนดจะมีขึ้นเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ซึ่งจากผลโพลจำลอง พบว่า โจ ไบเดน มีคะแนนนำทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันราว 10 % ดังนั้น จุดประสงค์ของทรัมป์ในครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเพื่อทำลายภาพพจน์ของโจ ไบเดน

พรรคเดโมแครต เคยคิดจะถอดถอนทรัมป์มารอบหนึ่งแล้ว เมื่อต้นปีนี้ หลังจากมีการเปิดโปงหลักฐานว่าทรัมป์ทำเรื่องสกปรกหลายอย่าง ทั้งการใช้เงินปิดปากผู้หญิงหลายคนเพื่อไม่ให้ออกมาแฉสัมพันธ์สวาทกับเขาช่วงก่อนเลือกตั้ง และที่สำคัญที่สุดคือกรณีทรัมป์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเพื่อไม่ให้มีการสอบสวนเรื่องที่ทรัมป์สมคบคิดกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ โดยใส่ร้าย นางฮิลลารี คลินตัน ผู้ลงชิงชัยประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

การถอดถอนทรัมป์ สร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้นในสหรัฐ แม้ในที่สุดแล้วการถอดถอนอาจไม่สำเร็จก็ตามเพราะเมื่อเรื่องถูกส่งขึ้นไปยังวุฒิสภา ซึ่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ทรัมป์ก็อาจจะรอด แต่ผลเสียคือในระหว่างกระบวนการถอดถอนนี้ความอึมครึมไม่แน่นอนทางการเมืองจะเกิดขึ้นอันเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ชอบ เห็นได้จากปฏิกิริยาของตลาดหุ้นสหรัฐที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไป 142 จุดทันที ภายหลังพรรคเดโมแครต ประกาศเริ่มกระบวนการถอดถอน

แม้ว่าการถอดถอนมีแนวโน้มจะไม่สามารถปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่งได้ แต่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าอย่างน้อยจะส่งผลลบต่อการเจรจาการค้ากับจีนที่กำลังดำเนินอยู่ โดย สตีเฟน กิลฟอยล์ ประธานบริษัท ซาร์จ 986 ชี้ว่า จะกระทบต่อเศรษฐกิจแน่ถ้าหากว่าประเด็นนี้เป็นเหตุจูงใจให้จีนไม่เต็มใจจะเจรจาการค้ากับทรัมป์อีกด้วยหวังว่าจะได้รับข้อตกลงที่ดีกว่าเดิมจากผู้นำคนอื่นของสหรัฐ

อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาด เนชั่นแนล ซีเคียวริตีส์ ระบุเช่นกันว่า มีความเสี่ยงที่ข่าวการถอดถอนจะส่งผลเสียต่อการเจรจาการค้าสหรัฐและจีน เพราะข่าวนี้จะทำให้จีนรู้สึกมีอำนาจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าประเด็นนี้ไม่สำคัญเท่าสุนทรพจน์ที่ก้าวร้าวของทรัมป์ซึ่งกล่าวต่อที่ประชุมสหประชาชาติโดยกล่าวหาว่าจีนเป็นภัยคุกคามและวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของจีน

ทั้งนี้ สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อที่ประชุมยูเอ็น เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากตัวแทนเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนพบปะกันที่วอชิงตันและจบลงด้วยท่าทีที่ดี โดยที่จีนสั่งซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมาก ส่วนสื่อของจีนก็ยืนยันว่าการเจรจาได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่เมื่อทรัมป์กล่าวโจมตีจีนบนเวทียูเอ็น ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลอีกครั้ง

มาร์ค แชนด์เลอร์ นักกลยุทธ์ตลาดโลกของ แบนน็อกเบิร์น โกลบอล ฟอเรกซ์ ไม่ว่าคิดว่าการถอดถอนจะประสบความสำเร็จ มันแค่เพิ่มความไม่แน่นอนเท่านั้น ตนคิดว่าทรัมป์มีแนวโน้มจะได้รับเลือกเป็นสมัยที่สอง เช่นเดียวกับ เอ็ด เคน นักกลยุทธ์ตลาดแห่งคิวเอ็มเอ ที่ชี้ว่า ผลสุดท้ายแล้วคงถอดถอนไม่สำเร็จ ดังนั้น ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรต่อตลาด

ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีมติถอดถอนแล้ว ต้องส่งเรื่องให้วุฒิสภาลงมติ ซึ่งต้องใช้เสียงวุฒิสภา 2 ใน 3 เพื่อเห็นชอบการถอดถอนที่ผ่านมาสำเร็จเพียงครั้งเดียวคือ การถอดถอนประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน จากพรรครีพับลิกัน