สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างประกาศจาก “ดาเนียล อันดรูวส์” ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (30 มิ.ย. 2020) ว่าทางการได้สั่งล็อกดาวน์พื้นที่ 36 เขตของเมือง “เมลเบิร์น” ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐวิกตอเรีย หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนหลายรายติดต่อกันหลายวัน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ 1 ก.ค. 2020 เป็นต้นไป ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวถูกสั่งห้ามออกจากที่พักอาศัย เว้นแต่เป็นการเดินทางเพื่อไปทำงาน, เรียน และซื้อสิ่งของจำเป็นเท่านั้น ขณะที่คาเฟ่และร้านอาหารถูกสั่งห้ามการนั่งทานที่ร้านอีกครั้งหลังจากทางการอนุญาติให้ทำได้เพียงไม่กี่สัปดาห์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
นอกจากนี้ รัฐวิคตอเรียยังสั่งห้ามเที่ยวบินไม่ให้เข้ารัฐเพื่อป้องกันเคสนำเข้าอีกด้วย ซึ่งการกลับมาล็อกดาวน์ครั้งนี้กระทบกับชาวเมืองราว 320,000 ชีวิต และจะถูกบังคับใช้ถึง 4 สัปดาห์
ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย ระบุว่า ประชาชนคาดหวังว่าการล็อกดาวน์ควรจะยุติสักที อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการล็อกดาวน์ในขั้นต้นอาจทำให้สถานการณ์บานปลายจนส่งผลให้จำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่รุนแรงและขยายวงกว้างมากกว่านี้
ถึงแม้ว่าทั่วประเทศออสเตรเลียจะสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ โดยหลายรัฐไม่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดต่อกันหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม รัฐวิกตอเรียกลับมีการตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้มีการตรวจพบถึง 64 ราย ขณะที่วันก่อนหน้ามีการตรวจพบถึง 75 ราย
ในส่วนของสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศรายงานระบุว่า ปัจจุบันออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อทั้งหมดราว 7,800 ราย และมีผู้เสียชีวิต 104 ราย
