
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ราคาแร่เงินในสัปดาห์นี้พุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เป็นผลจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้นักลงทุนเร่งหาแหล่งลงทุนในทรัพย์สินปลอดภัย (safe haven) โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภทโลหะ
โดยราคาแร่เงินปรับตัวขึ้นมากกว่า 18% ในช่วงสัปดาห์นี้ สูงถึง 23.24 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้นถึง 28% นับจากต้นปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกับราคาทองคำที่พุ่งสูงทะลุ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องใกล้ทำลายสถิติในปี 2011 ที่ระดับ 1,920 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยการซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 1,882.34 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่ผ่านมา
- พายุลูกใหม่จ่อเข้าไทย ชี้ความรุนแรงเท่า “เตี้ยนหมู่” ระวังน้ำท่วมใหญ่
- นายกฯตั้งบอร์ดใหญ่คุมแจกเงิน 10,000 บาท ห้าง-โมเดิร์นเทรดรับอานิสงส์
- กรมอุตุฯเตือน “พายุดีเปรสชั่น” เข้าไทย รับมือฝนตกหนัก-ท่วมฉับพลัน
การแห่ซื้อโลหะมีค่ามาจากความกังวลของนักลงทุนที่หวาดกลัวว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงก็ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อทองคำและแร่เงินได้ถูกลงด้วย ขณะที่การลงทุนประเภทอื่นอย่างการซื้อตราสารหนี้ภาครัฐก็ดึงดูดนักลงทุนน้อยลงจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
ทั้งนี้ ความต้องการแร่เงินราว 50% จากความต้องการทั้งหมดมาจากภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากแร่เงินเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตยานพาหนะไฟฟ้า และในปัจจุบันความต้องการพลังงานทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาแร่เงินเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน