จีนสอบ ‘อาลีบาบา’ เขย่า ‘แจ็ก หม่า’ รอบ 2

ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นเวลาที่ผู้คนต่างมอบของขวัญแสดงความยินดี แต่ทว่าของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจีนมอบให้ “แจ็ก หม่า” กลับเป็นการสอบสวน “อาลีบาบา กรุ๊ป” ยักษ์อีคอมเมิร์ซในข้อหาใช้อำนาจเหนือตลาด บังคับไม่ให้คู่แข่งสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม วิธีการกดดันผู้ค้าในจีนมีให้เห็นมานานทั้ง “อาลีบาบา” และ “เทนเซ็นต์” คู่แข่ง เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนมีการแข่งขันสูงมาก แต่เป็นครั้งแรกของหน่วยงานกำกับดูแลในจีนที่มาดูแลเรื่องนี้

เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของจีน ได้เริ่มสืบสวนบริษัท “อาลีบาบา” ในข้อหาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายนี้ดำเนินการ “ผูกขาด” บีบบังคับคู่ค้ารายย่อยต้องขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบาเท่านั้น โดยไม่ให้ไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มของคู่แข่ง ซึ่งทางการจีนเรียกปฏิบัติการนี้ว่า “วันฟรอมทู” คือธุรกิจรายย่อยต้องเลือกว่าจะขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใดรายหนึ่งเท่านั้น

กรณีนี้สืบเนื่องจากบริษัท “กาลานซ์” แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในบ้านยื่นฟ้องอาลีบาบา กล่าวหาว่าอาลีบาบากดดันแบรนด์ให้เลิกขายสินค้าบนแพลตฟอร์มคู่แข่ง “พินตั๋วตั๋ว” ทั้งยังมีคำกล่าวหาจาก “เจดีดอตคอม” ระบุว่า “ทีมอลล์” เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ของอาลีบาบา บีบให้ผู้ค้ารายย่อยเซ็นสัญญา “มัดมือชก” ไม่ไปขายสินค้ากับแพลตฟอร์มอื่น

แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาในแง่ของธุรกิจอาลีบาบาจะมีการเติบโตก้าวกระโดดท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 แต่ปีนี้อาจถือเป็นปีที่เลวร้ายของ “แจ็ก หม่า” หลังจากที่ช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา “แอนต์ กรุ๊ป” บริษัทฟินเทคในเครืออาลีบาบา ซึ่งถูก “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนสั่งระงับการขายหุ้นไอพีโอกะทันหัน หลังรัฐบาลได้ยกร่างกฎหมายให้ฟินเทคที่ปล่อยสินเชื่อต้องมีเงินทุนสำรองอย่างน้อย 30% ของวงเงินปล่อยกู้ ขณะที่แอนต์ กรุ๊ปมีทุนสำรองเพียง 2%

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เป็นเพราะ แจ็ก หม่า ต่อว่าการทำงานของรัฐบาลจีนมากกว่า จึงทำให้สี จิ้นผิง ไม่พอใจและสั่งระงับการไอพีโอของบริษัท ซึ่งขณะนี้ธนาคารกลางจีนอยู่ระหว่างหารือกับผู้บริหารระดับสูงของแอนต์ กรุ๊ป เพื่อให้รัฐบาลสามารถควบคุมบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทางการจีนเข้ามาแทรกแซงการประกอบธุรกิจของบริษัทอินเทอร์เน็ต

“เชา เซียเฟิง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาคการเงินและหลักประกัน มหาวิทยาลัยหลิงหนาน ระบุว่า การสืบสวนครั้งนี้เป็นบททดสอบ “ความกดดัน” ครั้งยิ่งใหญ่ของยักษ์เทคฯจีน พร้อมสันนิษฐานว่า ความสำเร็จของอาลีบาบาก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะบริษัทใช้อำนาจเหนืตลาดในอุตสาหกรรม มาตลอด อย่างไรก็ตาม เชามองว่า แม้อาลีบาบาถูกตัดสินว่าผิดกฎหมายและโดนปรับ ก็เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของรัฐบาลจีน ซึ่งจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อธุรกิจของอาลีบาบา จนกว่าจะมีกฎหมายกำหนดว่า แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไม่สามารถ “มัดมือชก” ธุรกิจรายย่อยบังคับให้ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น

ด้าน “หวาง เชิน” หุ้นส่วนบริษัท ซูฟันด์ อินเวสต์เมนต์ วิเคราะห์ว่า หากมีการตัดสินความผิดของอาลีบาบาในครั้งนี้ ในระยะยาวไม่น่ามีผลกระทบอะไร เนื่องจากว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนมีการแข่งขันสูง ยากที่จะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาทาบรัศมีกับแต่ละแพลตฟอร์มของหม่าได้ และเชื่อว่าอาลีบาบายังสามารถคงไว้ซึ่งส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ได้ ถึงแม้การเติบโตจะลดลง

ขณะที่ “ลิว ชู” นักวิจัย มหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าวว่า บริษัทอินเทอร์เน็ตของจีนได้ขยายตัวมากกว่าธุรกิจอื่น ๆ โดยไม่มีการควบคุมมานานหลายปี การที่รัฐเข้ามาแทรกแซงครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณว่า “ยุคทอง” ของอุตสาหกรรมนี้ถึงจุดจบแล้วหรือไม่

ทั้งนี้ “แจ็ก หม่า” ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ คาดว่าคงกำลังซุ่มเคลียร์ปมปัญหากับทางการจีนเพื่อปกป้อง “ลูกทั้งสอง”