วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานวิเคราะห์สถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ในประเด็นบุกหรือไม่บุกยูเครน โดยเน้นที่ตัวประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำทรงอิทธิพลของรัสเซีย
สำนักข่าวสัญชาติอเมริกันตั้งประเด็นคำถามว่า ทำไมปูตินจึงต้องผลักยุโรปเข้าไปสถานการณ์เสี่ยงภัยสงคราม เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ชาติตะวันตกไม่ได้มีแผนจะทำอยู่แล้ว
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
รัสเซียยื่นเงื่อนไขว่า องค์การป้องกันสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต นำโดยสหรัฐอเมริกา ต้องไม่ดึงยูเครนเข้าไปเป็นสมาชิก
สำหรับยูเครนปรารถนาจะเข้าร่วมนาโตมานานแล้ว แต่พันธมิตรนาโตยังไม่เคยส่งคำเชิญไปเลย ด้วยเห็นว่ายูเครนยังมีปัญหาด้านการคอร์รัปชันในหมู่เจ้าหน้าที่ การจัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และขาดแคลนการควบคุมพรมแดนระหว่างประเทศ
อย่าเข้าใกล้ยุโรปตะวันออก
ส่วนข้อเรียกร้องของปูตินไปไกลกว่าเรื่องที่ยูเครนอยากจะสมาคมกับนาโต เพียงมีความเชื่อมโยงว่า ชาติตะวันตกผลักให้เขาเข้าไปสู่ในจุดที่มีความอดทนจำกัด เมื่อนาโตขยายกองทัพเข้ามาใกล้เส้นความมั่นคงของรัสเซีย
ปูตินต้องการให้นาโตถอนกำลังกลับออกไปให้ไกลจากยุโรปตะวันออก ในที่นี้รวมถึงการหมุนเวียนการซ้อมรบกับลิทัวเนีย ลัตเวีย และ เอสโตเนีย ประเทศที่เคยเป็นสหภาพโซเวียตมาก่อน
แม้จะไม่มีกองกำลังสหรัฐประจำการถาวรในสามชาติเหล่านี้ แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ เพนตากอนระบุว่า ปัจจุบันมีทหาร 100 นายที่หมุนประจำการอยู่ในลิทัวเนีย และอีก 60 นายในเอสโตเนียและลัตเวีย
นอกจากนี้ปูตินยังต่อต้านการติดตั้งฐานป้องกันขีปนาวุธในโรมาเนีย และฐานคล้ายๆ กันนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งในโปแลนด์ เพราะเห็นว่ายุทโธปกรณ์เหล่านี้ปรับให้เป็นอาวุธสำหรับการสู้รบที่เป็นภัยกับรัสเซียได้
ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เปิดหน้าชนด้วยการอนุมัติการส่งทหารอเมริกันเพิ่มเข้าไปในฝั่งยุโรปตะวันออก 2,700 นาย ในจำนวนนี้ 1,700 นายประจำการในโปแลนด์ 1,000 อยู่โรมาเนีย และ 300 นายไปประจำที่เยอรมนี
การยอมแพ้ไม่ใช่ทางของอดีตเคจีบี
ด้านสำนักข่าว เอเอฟพี สัญชาติฝรั่งเศส เผยแพร่การวิเคราะห์ของ อเล็กซี มาคาร์คิน นักวิชาการด้านรัสเซีย ว่าปูตินมีทัศนคติมาช้านานว่าการขับเคลื่อนให้ยูเครนไปเข้าพวกกับพันธมิตรตะวันตกเป็นอันตราย ดังนั้น หากทางการไม่แก้ไขปัญหาความมั่นคงเสียตั้งแต่ตอนนี้ อาจทำให้ยูเครนร่วมวงกับนาโตภายใน 10-15 ปีข้างหน้า
ช่วงเกิดการปฏิวัติของกลุ่มสนับสนุนตะวันตกในกรุงเคียฟของยูเครนปี 2557 รัสเซียเข้ายึดครองคาบสมุทรไครเมียอย่างฉับไว
ส่วนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียจับอาวุธขึ้นต่อสู้ในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งปูตินเปรียบเปรยยูเครนว่าเป็นตัวแทนของเหยื่อระบอบเผด็จการซาร์และจักรวรรดินิยมโซเวียต
ปูตินกล่าวว่าการปฏิวัติในยูเครน 2 ครั้ง ทั้งในปี 2547 และ 2557 เป็นผลพวงจากแผนการของตะวันตก ตนในฐานะผู้นำรัสเซียจึงต้องตอบโต้ด้วยกำลังและแม้แต่การคุกคาม
เพราะการยอมแพ้ไม่ใช่ทางของอดีตสายลับเคจีบี และแนวคิด “จิโดกะ” ซึ่งหมายถึงการหยุดให้ได้โดยอัตโนมัติเมื่อพบข้อผิดพลาด
ปูตินไม่ได้มองยูเครนเป็นประเทศ
หลังจากเกิดการปฏิวัติสีส้มในยูเครนช่วงฤดูหนาวปี 2547 และการเปิดศึกก๊าซธรรมชาติภายในประเทศจนส่งผลให้เศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ ปูตินแก้เกมด้วยการส่งกองทัพไปสาธารณรัฐไครเมียในปี 2557 เพื่อยึดไครเมียและสนับสนุนกลุ่มกบฏที่เข้าฝ่ายรัสเซียในยูเครนตะวันออก รวมทั้งคิดใคร่ครวญถึงอัตลักษณ์และการเป็นมลรัฐของยูเครนที่ชัดเจน
เมื่อปี 2551 ปูตินเคยกล่าวกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ว่ายูเครนไม่ได้เป็นประเทศ จากนั้นช่วงการแถลงข่าวส่งท้ายปีเมื่อเดือน ธ.ค. ปูตินกล่าวอีกครั้งว่า วลาดิเมียร์ เลนิน ผู้ก่อตั้งสหภาพโซเวียต “สร้าง” ยูเครนขึ้นมา
หลายเดือนก่อน ปูตินเขียนบทความขนาดยาวเรื่อง “เอกภาพในประวัติศาสตร์ของรัสเซียและยูเครน” ว่าการตัดสินใจของรัฐบาลยูเครนได้รับแรงผลักดันจากแผนการต่อต้านรัสเซียของชาติตะวันตก
พร้อมกับระบุว่าตะวันตกกำลังวางระบบการเมืองในยูเครนโดยเปลี่ยนแปลงวิธีการปกครองแบบประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรี แต่ยังคงมีแนวคิดแบ่งแยกกับรัสเซียและมองเป็นศัตรูเหมือนเดิม
ภารกิจนำยูเครนกลับคืน
ทาเตียนา สตาโนวายา ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์อาร์.โพลิติก กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์ตรรกะนี้ จะเห็นว่าการที่รัสเซียส่งทหาร 100,000 นายไปประชิดพรมแดนยูเครน ไม่ใช่การคุกคาม เพราะปูตินเชื่อเสมอมาว่าชาวยูเครนเป็นฝ่ายสนับสนุนรัสเซีย แต่มีบางส่วนถูกชักใยทางการเมือง รัสเซียคิดว่าไม่ได้ทำสงครามกับยูเครน แต่เป็นการปลดปล่อยชาวยูเครนจากการยึดครองของต่างชาติ
ส่วนดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีปูตินเคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนเมื่อเดือน ธ.ค. ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสูญเสียบ้านพี่เมืองน้องและจะยังเป็นพี่น้องกัน ในสารัตถะแล้ว ทางการรัสเซียมองว่ารัสเซียมีภารกิจที่จะต้องนำยูเครนกลับสู่วิถีธรรมชาติ
รัสเซียกล่าวมานานหลายปีแล้วว่าตะวันตกใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของรัสเซียหลังยุคโซเวียตโดยตั้งป้อมใกล้ๆ และกลับคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับสหภาพโซเวียต
ขณะนี้ รัสเซียยกกองทัพไปจ่อหน้าประตูยูเครนและปูตินต้องการให้นาโตถอยกลับไปที่ตั้งเหมือนเมื่อปี 2540 และกลับไปยึดถือกรอบความมั่นคงของยุโรปที่เกิดขึ้นหลังการสิ้นสุดสงครามเย็น ตรงกับสิ่งที่ปูตินใฝ่ฝัน คือ หยุดเวลาเอาไว้
…….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :