รัสเซีย-ยูเครน: ปูตินสับขาหลอก สั่งถอนทหาร แต่เล็งรับรอง “โดเนตสก์-ลูฮันสก์”

ปูติน
FILE PHOTO : Mikhail Klimentyev / Sputnik / AFP)

สภารัสเซียไฟเขียวรับรองสถานะภูมิภาค “โดเนตสก์-ลูฮันสก์” ของยูเครน เป็นรัฐอิสระ ขัดแย้งส่อระอุอีก แม้ปูตินสั่งถอนทหารบางส่วน

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 รอยเตอร์รายงานว่า สภาดูมา หรือ สภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย ให้การอนุมัติรับรองร่างกฎหมายสถานะการขึ้นเป็นรัฐอิสระของภูมิภาค “โดเนตสก์-ลูฮันสก์” ในยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนฝักใฝ่รัสเซีย และมีขบวนการพยายามแบ่งแยกดินแดนมายาวนาน

สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งสภาดูมาให้ความเห็นชอบแล้วนั้น จะถูกส่งไปยังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อลงนามเป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งหากผู้นำรัสเซียลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว จะยิ่งเติมอุณหภูมิความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียให้รุนแรงมากขึ้น แม้เมื่อ 15 ก.พ. กลาโหมรัสเซียจะสั่งถอนทหารบางส่วนออกจากพรมแดนยูเครน หลังเสร็จสิ้นภารกิจซ้อมรบรวมกับเบลารุส

ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อลงนามเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะยิ่งสร้างความตึงเครียดรอบใหม่ในวิกฤตการณ์ยูเครน เนื่องจากการรับรองสถานะรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ จะถือเป็นการฉีกสัญญาข้อตกลงมินสก์ ซึ่งมีเป้าหมายยุติสงครามการแบ่งแยกดินแดนในดอนบาสของยูเครน

มีสมาชิกสภาดูมาให้การรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวจำนวน 351 เสียง คัดค้าน 16 เสียง โดยนายยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมาของรัสเซีย กล่าวว่า “เคียฟไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงของมินสค์ พลเมืองและเพื่อนร่วมชาติของเราที่อาศัยในดอนบาสต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากเรา”

สำหรับข้อตกลงมินสก์ หรือ Minsk Accords ถูกทำขึ้นที่เมืองหลวงของประเทศเบลารุส เมื่อปี 2015 มีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติการสู้รบและให้แนวทางด้านการเมืองในพื้นที่ขัดแย้ง ที่ถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยึดครองในภูมิภาคดอนบาส โดยให้พื้นที่ดังกล่าวซึ่งประชาชนส่วนมากฝักใฝ่รัสเซียและใช้ภาษารัสเซียเป็นหลัก อยู่ภายใต้การดูแลของยูเครน โดยรัฐบาลยูเครนต้องให้การรับรองความปลอดภัยของประชาชนและแนวทางการปกครองตนเองในพื้นที่

ADVERTISMENT

แต่ที่ผ่านมารัฐบาลรัสเซียมองว่ายูเครนยังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้ ขณะที่ฝ่ายยูเครนก็มองว่าข้อตกลงนี้ทำขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมต่อยูเครน โดยเฉพาะในเรื่องข้อกำหนดการให้อำนาจปกครองตกเองของพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทำให้ยูเครนต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อำนาจแก่พื้นที่ดังกล่าวซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัฐเซียมากขึ้น