โวโลดีมีร์ เซเลนสกี จากนักแสดงตลกสู่ตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน

Ukrainian Presidential Press Service/Handout via REUTERS

“โวโลดีมีร์ เซเลนสกี” กลายเป็นประธานาธิบดียูเครนที่ปกครองประเทศในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งรุนแรงที่สุดระหว่างรัสเซียกับมหาอำนาจตะวันตก นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 สื่อต่างประเทศรายงานเรื่องราวของผู้นำยูเครน “โวโลดีมีร์ เซเลนสกี” ซึ่งเคยเป็นนักแสดงตลกในรายการทีวี ก่อนจะก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนอย่างเหนือความคาดหมาย และตอนนี้เขาเป็นผู้นำประเทศที่กำลังถูกโจมตี หลังจากรัสเซียประกาศบุกยูเครน แม้ว่าในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีความพยายามใช้การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ชายอายุ 44 ปีผู้นี้ กลายเป็นประธานาธิบดียูเครนในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งรุนแรงที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติมหาอำนาจในยุโรป นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็นเมื่อกว่าสามทศวรรษ

เขาเฝ้าดูรัสเซียระดมกำลังทหารมากกว่า 150,000 นาย ล้อมรอบประเทศของตัวเอง แม้สหรัฐฯและประเทศอื่น ๆ จะพยายามเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารกลับ

เขาเฝ้าดูรัสเซียประกาศรับรองเอกราชให้เขตโดเนสตก์และลูฮันสก์ที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก

และในวันนี้ เขาต้องเฝ้าดูรัสเซียเปิดฉากโจมตีบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างเต็มกำลัง โดยได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งประเทศตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ หลังจาก “วลาดีมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย ยืนยันปฏิบัติการทางทหาร

เซเลนสกีประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตรในตะวันตก โดยเรียกร้องให้ยุโรปแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หลังจากพูดคุยกับ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ “เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

เซเลนสกีชนะการเลือกตั้ง คว้าตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนเมื่อปี 2562

เขาโด่งดังจากรายการคอมเมดี้ จากบทบาทครูปากร้าย ที่ได้กลายเป็นประธานาธิบดี หลังจากนักเรียนคนหนึ่งของเขาถ่ายวิดีโอขณะที่เขาวิจารณ์เรื่องการทุจริตอย่างรุนแรง แล้วโพสต์ลงออนไลน์

รายการคอมเมดี้ที่ออกอากาศในช่วงเย็นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เมื่อปี 2557 ยูเครนเกิดการปฏิวัติเพื่อขับไล่ผู้นำที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย

ระหว่างนั้นชาวยูเครนได้เฝ้าดูเซเลนสกีสวมบทบาทประธานาธิบดี ที่ชอบหยอกล้อภรรยา และไปทำงานด้วยท่าทีตื่นตระหนก

ในที่สุดเซเลนสกีจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้รับบทประธานาธิบดีในรายการคอมเมดี้

เขาเอาชนะ “เปโตร โปโรเชนโก” ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นกว่า 70%

แต่ชาวยูเครนบางคนก็เตรียมใจสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เมื่อนักวิจารณ์บางคนเปรียบเทียบเขากับนักการเมืองที่มีชื่อเสียง เช่น “ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี” อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี หรือแม้แต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ

การตัดสินใจนำทีมงานจากบริษัทโปรดักชั่นของเขา มาเข้าร่วมทีมบริหาร แทบจะไม่สร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชนเลย

อีกทั้งการปรากฏตัวร่วมกับผู้นำโลกคนอื่น ๆ ในช่วงแรก ยังดูหยิ่งผยอง

“มีโกลา ดาวีดยุก” นักวิเคราะห์การเมืองชาวยูเครน กล่าวว่า “ผมคิดว่าพันธมิตรต่างชาติของเรามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการติดต่อกับเขา เซเลนสกีไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา”

“พวกเขาอยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งเป็นจุดที่เซเลนสกีไม่สามารถไปถึง และไม่สามารถเข้าใจได้”

แต่นักการทูตตะวันตกบางคนกลับหลงเสน่ห์ของเซเลนสกี

“เขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น พูดตามตรง” นักการทูตคนหนึ่งกล่าวในเดือนนี้ ก่อนที่รัสเซียจะโจมตียูเครน

“เขาทำงานที่ไม่มีวันสำเร็จ เขาติดอยู่ภายใต้แรงกดดันทั้งจากชาวรัสเซียและชาวอเมริกัน” นักการทูตคนเดิมกล่าว

“เขาแสดงความสำรวม”

ความสัมพันธ์กับปูติน

การขัดแย้งกับรัสเซีย เพราะความฝันที่จะเข้าร่วมกับนาโต้ของยูเครน จะเป็นตัวกำหนดอนาคตทางการเมืองของเซเลนสกี

เขาขึ้นสู่อำนาจด้วยความมุ่งมั่นที่จะเปิดช่องทางสื่อสารกับปูติน โดยหวังว่าท้ายที่สุดจะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้

ทั้งคู่ได้จัดการประชุมสุดยอดที่ปารีส ไม่กี่เดือนหลังจากการเลือกตั้งของเซเลนสกี ซึ่งปูตินยกย่องว่าเป็น “ก้าวสำคัญ”

แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เริ่มตกต่ำลง

ปูตินกล่าวหารัฐบาลเซเลนสกีว่า “เลือกปฏิบัติ” ต่อผู้ที่พูดภาษารัสเซีย และปฏิเสธเรื่องที่เคยให้คำมั่นว่าจะยุติความขัดแย้งในพื้นที่ทางตะวันออก

ข้อเสนอของเซเลนสกีในการประชุมสุดยอดผู้นำร่วมกับปูตินและไบเดิน ถูกเพิกเฉยจากฝั่งรัสเซีย

กระทั่งเหตุการณ์เดินมาสู่จุดนี้