รายงานเผย ชาติยุโรปแห่ซื้ออาวุธมากสุดกว่าภูมิภาคอื่นของโลก นับตั้งแต่ความสัมพันธ์รัสเซียถดถอย สหรัฐครองแชมป์ชาติขายอาวุธเบอร์หนึ่งยอดสั่งซื้อพุ่ง
วันที่ 14 มีนาคม 2565 สำนักข่าว DW ของเยอรมนีรายงานว่า สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศในกรุงสตอกโฮล์ม ของสวีเดน (SIPRI) เผยรายงานที่ระบุว่า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
บรรดาชาติในกลุ่มยุโรปมีการนำเข้าอาวุธพุ่งสูงแบบก้าวกระโดดถึง 19% ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคใดของโลก นับตั้งแต่ที่ความสัมพันธ์กับรัสเซียเสื่อมถอย ก่อนหน้าการเกิดวิกฤตการณ์ยูเครนในปัจจุบัน แม้การค้าอาวุธทั่วโลกหดตัวลง 5% ก็ตาม
ปีเตอร์ เวซมัน นักวิจัยจาก SIPRI กล่าวว่า “ความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยรุนแรงระหว่างรัฐส่วนใหญ่ในยุโรป กับรัสเซียนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยุโรปนำเข้าอาวุธมากขึ้น โดยเฉพาะในรัฐที่อุตสาหกรรมอาวุธของตนไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งหมด”
เอียน แอนโทนี ผู้อำนวยการ SIPRI เผยกับ DW ว่าตัวเลขการซื้ออาวุธล่าสุดสะท้อนถึงการตอบสนองของยุโรปต่อการผนวกคาบสมุทรไครเมียของรัสเซียในปี 2557 และการรุกรานของรัสเซียในภูมิภาค Donbas “สิ่งที่คุณเห็นสะท้อนในตัวเลขตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินการในอดีต” แอนโทนีกล่าว
รายงานระบุว่า อังกฤษ, นอร์เวย์ และเนเธอร์แลนด์เป็นผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ขณะที่ยูเครนนำเข้าอาวุธสำคัญในจำนวนจำกัดอย่างยิ่ง แม้จะเป็นช่วงที่เกิดความตึงเครียดกับรัสเซียก่อนเกิดเหตุการณ์รัสเซียบุกเมื่อเดือนที่แล้ว
“นอกจากนี้ รัฐอื่น ๆ ในยุโรปยังคาดว่าจะนำเข้าอาวุธเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญตลอดทศวรรษหน้าอีกด้วย โดยล่าสุดได้สั่งซื้ออาวุธสำคัญลอตใหญ่ โดยเฉพาะเครื่องบินรบจากสหรัฐ” SIPRI ระบุ
ทั้งนี้ สหรัฐยังคงเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคิดเป็น 39% ของทั้งหมด จากเดิม 32% ส่วนรัสเซียซึ่งเป็นชาติส่งออกอาวุธรายใหญ่อันดับ 2 มียอดขาดลดลงถึง 26%
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อธิบายได้ด้วย คำสั่งซื้ออาวุธจากเวียดนามและอินเดีย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของรัสเซียลดลง เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นต้องรัดเข็มขัดจากการระบาดของโควิด อย่างไรก็ตาม นักวิจัย SIPRI คาดว่าอินเดียจะกลับมาซื้ออาวุธจำนวนมากจากรัสเซียในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ขณะที่เยอรมนี เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกแต่การส่งออกอาวุธลดลง 19% ในช่วง 5 ปี และการส่งออกอาวุธของฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก เพิ่มขึ้นมากถึง 59%
แอนโทนียังมองว่า ความขัดแย้งจะมีผลที่ตามมานอกเหนือจากการค้าอาวุธในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคือ ผลกระทบจากสงครามในยูเครนซึ่งจะเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์และการทหารของยุโรปไปอย่างสิ้นเชิง
“ผลของสงครามในยูเครนจะเป็นตัวกำหนดว่าแนวความสัมพันธ์ระหว่างนาโต้ กับรัสเซียจะถูกวาดใหม่ คำถามคือจะเป็นไปรูปแบบใด”