
ธนาคารโลกเตือนสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อ กระทบรุนแรงต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และราคาพลังงานที่จะพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2022
วันที่ 28 เมษายน 2565 ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ธนาคารโลกออกรายงานเตือนว่า จากสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครนที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาพลังงาน ซึ่งปัจจัยทั้งสองจะสร้างความเสียหายต่อระบบการค้า ห่วงโซอุปทาน การผลิต และการอุปโภคบริโภคทั่วโลก โดยผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลต่อตลาดทั่วโลกตลอดทั้งปี 2022 แต่เชื่อว่าจะทยอยชะลอตัวภายในปี 2024
รายงาน “แนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์” (Commodity Markets Outlook) โดยระบุว่า ราคาสินค้าโภคสินโภคภัณฑ์จำพวกอาหารซึ่งผลิตจากรัสเซียและยูเครนนั้น ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นกว่า 50% ในปี 2022 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2023 และ 2024 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2022 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2013 และเพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2021 และคาดว่าราคาจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 92 ดอลลาร์ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม ราคายังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์และโลหะ คาดว่าจะพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในปีนี้ ก่อนจะทยอยลดลงในปีต่อ ๆ ไปหลังจากนั้น ธนาคารโลกยังประเมินด้วยว่า ราคาข้าวสาลีจะทะยานขึ้นกว่า 40% และระดับสูงสุดในประวัติการณ์ในปี 2022 และคาดราคาโลหะจะปรับตัวขึ้นราว 16% ในปีนี้ ก่อนจะชะลอตัวในปีหน้า แต่ยังคงถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก
เวิลด์แบงก์ระบุว่า หากสงครามรัสเซียยูเครนยืดเยื้อ หรือมีการใช้คว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มขึ้น จะทำให้ราคาสินค้าหลายชนิดพุ่งสูงขึ้นอีก ซึ่งจะมีความผันผวนมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในข้างต้น
ธนาคารโลกคาดว่าราคาสินค้าหลายชนิดจะอยู่ที่ “ระดับสูงเป็นประวัติการณ์” จนถึงสิ้นปี 2022 ความกลัวก็คือราคาสินค้าจำเป็นที่สูงขึ้นจะกระทบครอบครัวที่มีรายได้ต่ำอย่างแรงที่สุด
อาฮัน โคเซ่ ผู้อำนวยการกลุ่ม Prospects Group ของธนาคารโลกกล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและพลังงานส่งผลให้มนุษย์และเศรษฐกิจต้องสูญเสีย และมีแนวโน้มว่าจะขัดขวางความก้าวหน้าในการลดความยากจน”