กระแสลงทุนไหลเข้า “เวียดนาม” ”อินเทล-แอปเปิล” ปักหมุด

รง.รถ

“เวียดนาม” ถือเป็นประเทศที่สามารถรักษาแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์โลก ปัจจัยสำคัญมาจากศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการผลิตแห่งใหม่แทนที่ “จีน” ที่กำลังมีปัญหาขัดแย้งกับหลายชาติ ขณะเดียวกันภาคธุรกิจของเวียดนามก็สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด และกลายเป็นที่จับตาของนานาชาติที่มองเห็นโอกาสในการเติบโตผ่านการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับเวียดนาม

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า “แพท เกลซิงเกอร์” ซีอีโอของ “อินเทล” ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันกับ “วินกรุ๊ป” กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2022

โดยเป็นการบรรลุข้อตกลงระหว่างอินเทลและวินกรุ๊ปที่จะสร้างความร่วมมือกันในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง โดยมุ่งเน้นไปที่การนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของอินเทล มาช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีของวินกรุ๊ปในธุรกิจด้านต่าง ๆ

อย่างการนำเทคโนโลยีของอินเทลเข้ามาช่วยออกแบบและพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “วินโฮมส์” บริษัทลูกของวินกรุ๊ป รวมถึงการพัฒนาระบบอัจฉริยะในโรงงานผลิตแบตเตอรี่ “วินอีเอส” โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของอินเทล ไม่ว่าจะเป็นเอไอ คลาวด์ ไปจนถึงระบบการเชื่อมต่อข้อมูล IOT (internet of things)

การจับมือเป็นพันธมิตรกันของอินเทลและวินกรุ๊ปยังเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ “อีวี” ของทั้งสองบริษัท เนื่องจาก “วินฟาสต์” บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในเครือของวินกรุ๊ป ได้หันมาให้ความสนใจตลาดรถอีวีมากขึ้น โดยวางแผนยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในสิ้นปีนี้ และกำลังเดินหน้าการสร้างโรงงานผลิตรถอีวีในสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเริ่มการผลิตได้ภายใน ก.ค. 2024

ขณะที่อินเทลก็เพิ่งเปิดตัวหน่วยธุรกิจผลิตชิปป้อนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อ ก.พ. 2022 หลังจากที่เห็นโอกาสในภาวะขาดแคลนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก โดยคาดว่าความต้องการชิปสำหรับการผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2030 จากความต้องการรถอีวีที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลให้วินฟาสต์กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายล่าสุดที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทล ซึ่งปัจจุบันเป็นซัพพลายเออร์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ตั้งแต่ “ฟอร์ด” ไปจนถึงค่ายรถยนต์จีนอย่าง “นีโอ” และ “จีลี่”

นอกจากการพัฒนาชิปแล้ว อินเทลและวินกรุ๊ปยังจะร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดอย่างอินโฟเทนเมนต์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการให้ข้อมูลและความบันเทิงภายในรถยนต์ รวมถึงระบบช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ขั้นสูง เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย “โมบายอาย” (Mobileye) บริษัทสตาร์ตอัพเทคโนโลยีไร้คนขับของอิสราเอล ที่อินเทลได้ซื้อกิจการมาตั้งแต่ปี 2017

ซีอีโออินเทลระบุว่า ความร่วมมือกับวินกรุ๊ปครั้งนี้จะช่วยให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับถนนที่ปลอดภัยมากขึ้น การผลิตที่ยั่งยืนมากขึ้น และเมืองที่ชาญฉลาดมากขึ้น

นอกจากนี้ ล่าสุด “แอปเปิล” ก็ได้ตัดสินใจย้ายการผลิต iPad บางส่วนจากประเทศจีน ไปยังเวียดนาม เพื่อลดการพึ่งพากระบวนการผลิตที่อยู่ในประเทศจีน หลังการหยุดชะงักของห่วงโซ่
อุปทานเนื่องจากนโยบายซีโร่โควิดของรัฐบาลจีน ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการผลิตของแอปเปิลอย่างมาก

การบรรลุข้อตกลงร่วมกันของอินเทลและวินกรุ๊ป และการย้ายฐานการผลิตของแอปเปิล เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของสหรัฐในการสร้างความมั่นคงด้านซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมชิปในภูมิภาค ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งกับจีนที่ยังคงคุกรุ่น ขณะที่เวียดนามกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกมากยิ่งขึ้น