ตัวเลขการนำเข้าน้ำมันของจีนเดือนพฤษภาฯ รัสเซียกลายมาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดไปยังจีน แทนที่ซาอุดีอาระเบียแล้ว หลังลดราคาอย่างกระหน่ำให้จีน
วันที่ 21 มิถุนายน 2565 บีบีซี รายงาน ตัวเลขการนำเข้าน้ำมันของจีน เดือน พ.ค.จีนเพิ่มปริมาณนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียขึ้นอีก 55% เทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้า
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
ข้อมูลจากสำนักงานบริหารศุลกากรทั่วไปของจีนชี้ว่า เมื่อเดือน พ.ค.รัสเซียส่งน้ำมันผ่านท่อส่งน้ำมันไซบีเรียตะวันออก-มหาสมุทรแปซิฟิก และขนส่งทางเรือ ไปยังจีน เป็นปริมาณเกือบ 8.42 ล้านตัน แซงหน้าซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดไปจีน ซึ่งส่งออกให้จีนเดือน พ.ค. 7.82 ล้านตัน
บริษัทน้ำมันหลายแห่งของจีนรวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ซิโนเปก (Sinopec) และ เฉินหัว ออยล์ (Zhenhua Oil) ที่ดำเนินงานโดยรัฐบาลจีน ต่างเพิ่มปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนมานี้ หลังจากรัสเซียกระหน่ำลดราคาขายให้ จังหวะที่บริษัทผู้ซื้อน้ำมันในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ไม่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
ด้าน บลูมเบิร์ก ระบุว่า จำนวนเงินที่จีนใช้ซื้อน้ำมันรัสเซียดังกล่าวอยู่ที่ 7,470 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 35,000 ล้านบาท จากเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบปริมาณจากปีก่อน
จำนวนเรือขนส่งน้ำมันจากรัสเซียเข้ามายังจีนเพิ่มขึ้น หลังจากความต้องการน้ำมันในประเทศที่เคยลดลงระหว่างคุมเข้มโรคโควิดเริ่มคลี่คลาย และการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเริ่มกลับมา
เมื่อรวมมูลค่าการนำเข้าสินค้ารัสเซียของจีน ที่มีทั้งถ่านหิน ทองแดง นิกเกิล อลูมิเนียม พัลเลเดียม ข้าวสาลี ฯลฯ ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ พุ่งขึ้นถึง 80% จากปีก่อน เป็นมูลค่าถึง 10,270 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.6 แสนล้านบาท
จีนนำเข้าน้ำมันอิหร่านรอบ3
นอกจากรัสเซียแล้ว เมื่อเดือน พ.ค. จีนยังนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านรอบที่สาม ประมาณ 260,000 ตัน ต่อเนื่องจากที่เริ่มนำเข้าตั้งแต่เดือน ธ.ค.2021 ชี้ให้เห็นว่าจีนยังคงซื้อน้ำมันจากอิหร่านซึ่งเป็นชาติที่สหรัฐลงโทษทางเศรษฐกิจ
เมื่อเดือน มี.ค. ทั้งสหรัฐ และสหราชอาณาจักร ประกาศว่าจะห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่สหภาพยุโรปก็เดินหน้าลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย ตามที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เห็นว่าเพื่อพุ่งเป้าจัดการ “กับเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของรัสเซีย”
อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าวมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในยุโรปเอง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์วิจัยว่าด้วยพลังงานและอากาศสะอาด เผยแพร่รายงานชี้ว่ารัสเซียยังคงมีรายได้จากการส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรอบ 100 วันของการรุกรานยูเครน แม้ว่ายอดการส่งออกในเดือน พ.ค.จะลดลงก็ตาม
สหภาพยุโรป (อียู) เองเป็นผู้นำเข้าน้ำมันตามมูลค่าดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนถึง 61% หรือประมาณ 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยรวมแล้ว การส่งออกน้ำมันและก๊าซและรายได้จากธุรกิจพลังงานของรัสเซียลดต่ำลงจากช่วงที่เคยส่งออกสูงสุดเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เมื่อเดือน ม.ค. แต่เวลาเดียวกัน รายได้ของรัสเซียก็ยังมีมากกว่าค่าใข้จ่ายในการทำสงครามกับยูเครนในช่วง 100 วันแรก
ศูนย์วิจัยว่าด้วยพลังงานและอากาศสะอาดประเมินว่า รัสเซียมีค่าใช้จ่ายในการทำสงครามตกวันละประมาณ 876 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวในงานเสวนาที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ว่าการแซงก์ชั่นของชาติตะวันตกนั้น “บ้าคลั่ง สิ้นคิด และไม่มีทางสำเร็จ” และผลร้ายจะเกิดกับผู้ที่ออกมาตรการเหล่านั้นเอง
คาดว่า อียูจะสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อใน 27 ชาติสมาชิกอียู เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เวลาเดียวกันผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียเองออกมาเตือนว่ามาตรการแซงก์ชั่นจะทำให้รัสเซียจะสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือจีดีพี
…