เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยข้อมูลเบื้องต้นว่าจากเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเดนมาร์กนั้น มือปืนได้สังหารคนไป 3 ศพ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ในจำนวนผู้บาดเจ็บนี้ สามคนอยู่ในขั้นวิกฤต
ชายวัย 22 ปีถูกจับและถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ผู้คนที่มาช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า “ฟีลด์ส” ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน
สารวัตรประจำกรมตำรวจในโคเปนเฮเกน โวเรน โทมัสเซน กล่าวว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจอะไร และยังไม่สามารถระบุได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็น “การก่อการร้าย” หรือไม่
นายกรัฐมนตรี เมตต์ เฟรเดอริคเซ่น กล่าวว่า เดนมาร์กประสบกับการ “โจมตีที่โหดร้าย” พร้อมกันนี้เธอยังได้แสดงความเสียใจต่อเหล่าผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ผู้นำเดนมาร์กยังกล่าวให้กำลังใจชาวเดนมาร์ก พร้อมขอให้ยืนหยัดเคียงข้างกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
“เดนมาร์กถูกโจมตีอย่างโหดร้าย” เธอกล่าว “มีผู้เสียชีวิตหลายคน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากมาย เหยื่อผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ออกไปซื้อของหรือทานอาหารนอกบ้านแบบครอบครัว ซึ่งมีทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่”
“เมืองหลวงที่สวยงามและปลอดภัยของเราได้เปลี่ยนแปลงไปในเสี้ยววินาที” เธอกล่าวเสริม
ราชวงศ์ของเดนมาร์กกล่าว “แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อ “เหยื่อ ญาติของพวกเขา และทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้”
“เรายังไม่ทราบถึงการสูญเสียและมูลค่าความเสียหายทั้งหมดของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีผู้คนเสียชีวิตมาก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น” ถ้อยแถลงร่วมของสมเด็จพระราชินีมาเกร์เธอที่ 2, เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมาร และเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารี กล่าว
ผู้ต้องสงสัยที่บุกโจมตีห้างสรรพสินค้ามีปืนไรเฟิลพร้อมกระสุนอยู่ในครอบครอง ตอนที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายว่าผู้ต้องสงสัยเป็น “ชาวเดนมาร์ก” และจะต้องเผชิญกับการสอบสวนโดยผู้พิพากษาในวันนี้ (4 ก.ค.)
ตำรวจกล่าวว่าพวกเขาไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามีผู้ก่อเหตุรายอื่นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และเรียกร้องให้เจ้าของร้านในห้างสรรพสินค้าเก็บภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่พวกเขามีไว้เป็นหลักฐาน
ฟีลด์ส มีร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 140 ร้าน โดยห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของโคเปนเฮเกน ตรงข้ามกับรถไฟใต้ดินสายที่เชื่อมไปยังใจกลางเมือง
ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวถึงความตื่นตระหนกในหมู่นักช็อปปิ้งเมื่อเสียงปืนดังขึ้นกลางห้าง
หนึ่งในนั้นผู้เห็นเหตุการณ์คืออิซาเบล เธอบอกกับสื่อเดนมาร์กว่า “จู่ ๆ เราก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงปืน 10 นัด แล้วเราก็วิ่งเข้าไปในห้างเพื่อเข้าไปหลบในห้องน้ำ ซึ่งพวกเราเบียดเสียดกันในห้องน้ำเล็ก ๆ ที่มีคนซ่อนตัวอยู่ด้วยกันราว 11 คน”
“มันร้อนมาก พวกเรารอให้เหตุการณ์สงบ และพวกเรากลัวจริง ๆ มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก”
คอนเสิร์ตของนักร้องชาวอังกฤษ แฮร์รี่ สไตล์ส ที่มีกำหนดขึ้นแสดงในสถานจัดคอนเสิร์ต ซึ่งอยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุออกไปไม่ถึง 1 ไมล์ ได้ถูกยกเลิกเพื่อความปลอดภัย
แฮร์รี่ สไตล์ส ได้เขียนข้อความผ่าน Snapchat ว่า “ทีมงานของผมและผมขออธิษฐานให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการยิงในห้างสรรพสินค้าในโคเปนเฮเกนปลอดภัย ผมตกใจกับเกตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก รัก ฮ.”
ไม่นานหลังจากเกิดเหตุกราดยิง ราชวงศ์เดนมาร์กประกาศว่างานเลี้ยงต้อนรับที่จัดโดยมกุฎราชกุมารเฟรเดอริคได้ถูกยกเลิก ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเดนมาร์กที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง “ตูร์ เดอ ฟรองซ์” ในสามเส้นทางแรก
ผู้นำจากประเทศเพื่อนบ้านของเดนมาร์กหลายคนแสดงความหวาดกลัวต่อเหตุกราดยิงและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบ
นายกรัฐมนตรี ซานนา มาริน ของฟินแลนด์ ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเธอเรียกว่าเป็น “การใช้ความรุนแรงที่สะเทือนใจ” ขณะที่นายกรัฐมนตรี ไมเคิล มาร์ติน ของไอร์แลนด์ กล่าวแสดง “ความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนฝูงของผู้ที่ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ”
นายกรัฐมนตรี โจนาส การ์ สโตร์ ของนอร์เวย์ กล่าวส่ง “ความปรารถนาดีไปถึงเหยื่อและญาติของพวกเขา และถึงทีมบรรเทาทุกข์ที่กำลังทำงานเพื่อช่วยชีวิต”
เดนมาร์กเผชิญเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่ล่าสุดเมื่อปี 2015 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายได้รับบาดเจ็บระหว่างการโจมตีศูนย์วัฒนธรรมและโบสถ์ยิวในโคเปนเฮเกน และมือปืนถูกวิสามัญฆาตกรรมในภายหลัง ระหว่างการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ข่าว BBC ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว