เรียนการโรงแรมได้อะไรมากกว่าที่คิด! ม.กรุงเทพพร้อมปั้นอาชีพหลากหลาย ตอบโจทย์ทุก passion ในธุรกิจบริการ

ในยุคที่การท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมจึงได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลและจากการที่นักท่องเที่ยวยังคงไม่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย

อย่างไรก็ตามทันทีที่รัฐบาลคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง ยอดการจองโรงแรมต่างๆ ทั่วประเทศก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะไม่เพียงแค่รัฐบาลจะอัดฉีดงบประมาณเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่จากการสำรวจต่างๆ ยังพบว่า สิ่งที่คนเราอยากทำมากที่สุดหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ก็คือการออกเดินทางท่องเที่ยว เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า การท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อชีวิตคนเราจนเปรียบเหมือนปัจจัยที่ห้าไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้นี่เอง การโรงแรมจึงเป็นสาขาหนึ่งที่ผู้มีใจรักบริการใฝ่ฝันอยากจะเรียน โดยสาขาการจัดการการโรงแรม คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็เป็นหนึ่งในสถาบันที่ได้รับการยอมรับมานานเรื่องคุณภาพการเรียนการสอน เพราะนอกจากหลักสูตรจะทันสมัย สอดรับกับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนในยุคปัจจุบันแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ครบครัน โดยเฉพาะห้องปฏิบัติการการโรงแรมภายในอาคาร Tourism Tower ของคณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ Main Campus ซึ่งจำลองห้องพักแบบต่างๆ ของโรงแรมไว้ให้นักศึกษาฝึกภาคปฏิบัติ จนราวกับยกโรงแรมห้าดาวมาไว้ในมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว

“มหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดสอนสาขาการโรงแรม แต่ละแห่งก็กล่าวถึงการเรียนการสอนของตัวเองคล้ายๆ กัน” อาจารย์พิศร เจนวาณิชยานนท์ หัวหน้าภาควิชาการจัดการการโรงแรม คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าว “เช่น สอนโดยอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ การทำความร่วมมือกับภาคเอกชนต่างๆ หรือการเรียนทฤษฎีควบคู่กับการเรียนภาคปฏิบัติ ซึ่งสาขาวิชาการจัดการการโรงแรม ม.กรุงเทพ ก็โดดเด่นในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราได้รับการยอมรับมากขึ้นก็คือ เราสอนศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการแบบครบวงจร ดังจะเห็นได้จากรายวิชาทั้งวิชาหลักและวิชาเสริมที่เป็นเหมือนการติดอาวุธให้ผู้เรียนมีความรู้ความเชี่ยวชาญรอบด้าน สามารถไปทำตำแหน่งงานอะไรก็ได้ในโรงแรม ไปทำงานในธุรกิจบริการอื่นๆ หรือแม้แต่ทำธุรกิจส่วนตัว ขึ้นอยู่กับว่า passion ของผู้เรียนอยากจะทำอะไร”

ตำแหน่งงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ได้แก่ เชฟอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ฟู้ดสไตลิสต์ บาร์เทนเดอร์ นักจัดดอกไม้ บาริสต้า พนักงานสปา เป็นต้น โดยทุกตำแหน่งงานดังกล่าว ทางสาขาวิชาการจัดการการโรงแรมไม่ได้สอนแค่ภาคทฤษฎีในห้องเรียนเท่านั้น แต่มีห้องปฏิบัติการเฉพาะทางเพื่อให้นักศึกษาฝึกฝนจนเชี่ยวชาญด้วย ไม่ว่าจะเป็นห้อง The Bar สำหรับฝึกผสมเครื่องดื่มในฐานะบาร์เทนเดอร์ ห้อง The Florist สำหรับฝึกจัดดอกไม้ ห้อง The Spa Training Room สำหรับฝึกทำสปา ห้อง Culinary Lab สำหรับฝึกการประกอบอาหาร รวมไปถึง BU Café และ BU Restaurant ที่เปิดขึ้นเพื่อให้นักศึกษาฝึกการเป็นบาริสต้า ทำอาหาร และฝึกดำเนินธุรกิจในลักษณะทำจริงขายจริง 

ที่สำคัญคือ มีวิชาด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยและอนามัย ซึ่งผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจบริการที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับสุขภาพรวมอยู่ด้วย หรือที่เรียกกันว่า Health and Wellness เช่น การทำสปา การเสริมความงาม การออกกำลังกาย การบำบัดร่างกายและจิตใจกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ การรับบริการทางการแพทย์ ฯลฯ ทั้งนี้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 จุดหมายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเอเชียติดต่อกันมาหลายปี และยังนับว่าสอดรับกับ New Normal จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้คนหันมาสนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้นด้วย

จึงกล่าวได้ว่า สาขาการจัดการการโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สอนครบทุกสายงานบริการอย่างแท้จริง ดังนั้นแม้วิกฤติโควิด-19 จะมาทำให้ธุรกิจโรงแรมซบเซาลงไปบ้าง แต่เมื่อถึงวันที่สถานการณ์คลี่คลาย ธุรกิจโรงแรมย่อมกลับมาแบ่งบานพร้อมรับผู้เชี่ยวชาญที่เรียนจบด้านนี้โดยตรงอีกครั้ง หรือถ้าแม้สถานการณ์อาจใช้เวลาคลี่คลายนานกว่าที่คิด ก็ยังมีอาชีพหรือตำแหน่งงานอีกหลากหลายไว้รองรับทุก passion ของผู้ที่เรียนจบ เพราะสาขาการจัดการการโรงแรม คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้บ่มเพาะทักษะรอบด้านให้นักศึกษาไว้เรียบร้อยแล้ว