“ลาว” เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ปลดล็อก “นำเข้า-ส่งออก”

ปีนี้ สปป.ลาวเผชิญปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่ยอดนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงตัวเลขส่งออกที่ชะลอตัว กระทั่งเหตุการณ์เขื่อนแตกน้ำท่วมรุนแรงที่แขวงอัตตะปือ ล่าสุดรัฐบาลพยายามเร่งสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนให้ดึงดูดขึ้น เพื่อช่วยพยุงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ

เวียงจันทน์ไทมส์รายงานว่า ล่าสุดเมื่อ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาล สปป.ลาวประกาศนโยบายเร่งแผนปรับลดขั้นตอนเกี่ยวกับกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้ามาบังคับใช้ภายในปี 2019 ซึ่งเป็นปัญหาที่ถูกร้องเรียนเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากปัญหาเรื่องการลงทุน โดยระบุว่าจะปรับลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นลงอย่างน้อย 50%

นายซุนลินหน พิลาวง ผู้อำนวยการกรมการนำเข้าและส่งออก กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของ สปป.ลาว กล่าวว่า การปรับลดขั้นตอนกระบวนการนำเข้าและส่งออกนั้น

ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและการเอื้ออำนวยความสะดวกด้านการค้า เนื่องจากข้อกำหนดต่าง ๆ เป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแก่ภาคธุรกิจ ทั้งในเรื่องของค่าธรรมเนียม ระยะเวลา และแรงงาน รวมทั้งกรณีที่สินค้าต่าง ๆ มักจะติดค้างอยู่ที่ด่านตรวจเพราะความล่าช้าในกระบวนการตรวจสอบเอกสาร

“ปัญหาความล่าช้าในการตรวจสอบเอกสารรวมทั้งใบอนุญาตนำเข้าส่งออก แม้ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศตลาดเปิดใหม่ที่พึ่งพาการนำเข้าส่งออก แต่ด้วยภูมิศาสตร์ของ สปป.ลาวที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และระบบการขนส่งของประเทศต้องใช้ทางถนนเป็นหลัก จุดตรวจต่าง ๆ รวมทั้งด่านพรมแดนระหว่างประเทศ จึงกลายเป็นอุปรรคสำคัญที่รัฐบาลต้องขจัดให้เร็วที่สุด”

รายงานระบุว่า ปัจจุบัน สปป.ลาวยังต้องขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้า และใช้ระยะเวลาในการดำเนินเอกสารนาน 3 วัน โดยกระทรวงอุสาหกรรมและพาณิชย์ของ สปป.ลาว มีแผนเบื้องต้นว่าระยะแรกจะดำเนินการปรับลดเวลาการออกเอกสารให้เหลือเพียง 1 วัน และระยะที่ 2 คือการยกเลิกการใช้ใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนได้ราว ๆ ปีละ 385 ล้านกีบ หรือราว 45,332 ดอลลาร์สหรัฐ

พร้อมประเมินว่า ขั้นตอนการขนถ่ายสินค้านำเข้าในแต่ละครั้งจะใช้เวลาเพียง 30-60 นาที จากปัจจุบันที่ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ส่วนต้นทุนการขนส่งสินค้าต่อเที่ยวเฉลี่ยแล้วจะประหยัดได้ราว 35,000 กีบ หรือเกือบ 5 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ จากการจัดอันดับของเวิลด์แบงก์ประจำปี 2017 ระบุว่า บรรยากาศและความยากง่ายในการทำธุรกิจใน สปป.ลาวอยู่ลำดับที่ 141 จากทั้งหมด 190 ประเทศ ร่วงลงจากอันดับ 139 ในปี 2016 นายกรัฐมนตรี “ทองลุน สีสุลิด”

จึงได้ประกาศเป้าหมายลดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ จากเลข 3 หลักมาสู่เลข 2 หลักภายในปี 2020 พร้อมกับการปรับปรุงขั้นตอนและขจัดอุปสรรคด้านการลงทุน จากเดิมที่นักลงทุนต้องใช้เวลาขออนุญาตจัดตั้งบริษัทนานถึง 90 วัน ให้ลดเหลือเพียง 10 วัน รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและบริหารด้านการลงทุนเพื่อช่วยเร่งพิจารณาและอนุมัติโครงการลงทุนจากต่างประเทศให้เร็วขึ้น