“ภูเขาไฟตาอัล” ระเบิดรุนแรง “ฟิลิปปินส์” เร่งอพยพครึ่งล้าน

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทางการฟิลิปปินส์ได้ออกประกาศให้ประชาชนหลายแสนคน ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ เร่งอพยพออกจากพื้นที่ หลังจากที่ “ภูเขาไฟตาอัล” เกิดการปะทุขึ้น ส่งควันและเถ้าถ่านพวยพุ่งไปบนท้องฟ้าสูงถึง 14 กม. เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ภูเขาไฟตาอัล ซึ่งพาดตัวยาวราว 60 กม. ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลาบนเกาะลูซอน ได้เริ่มปะทุขึ้น ส่งผลให้ธารลาวาไหลทะลักออกมาจำนวนมาก และยังปล่อยกลุ่มควันไฟและเถ้าภูเขาไฟออกมาปกคลุมหนาทึบบนท้องฟ้า และยังแพร่กระจายไปถึงเมืองเกซอนซิตี้ ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา ส่งผลให้สนามบินนานาชาติต้องระงับการบินชั่วคราว

สถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ ได้ออกคำเตือนระดับที่ 4 จาก 5 ระดับ ขอให้ผู้ที่อาศัยกว่า 450,000 คนในรัศมี 17 กม. โดยรอบภูเขาไฟเร่งอพยพทันที นอกจากนี้ ยังมีเมืองและเทศบาลอีก 10 แห่ง ซึ่งมีประชากรราว 760,000 คนที่ยังเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟและสึนามิในทะเลสาบรอบภูเขาไฟอีกด้วย

โดยในวันนี้ (13 ม.ค.) ได้มีผู้คนมากกว่า 16,400 คน อพยพไปพักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ ซึ่งจำนวนผู้อพยพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางรายย้ายไปพักอาศัยในพื้นที่อื่นของประเทศ ด้านรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ อย่างกองทัพและสภากาชาดก็ได้ส่งกองกำลังและอุปกรณ์ในการช่วยเหลือและอพยพผู้คนอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม “โจเซฟ มิชเชลสกี้” ผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์ มหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่า เถ้าจากการระเบิดของภูเขาไฟสามารถลอยไปได้ไกลด้วยความเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถก่อให้เกิดโคลนไหลภูเขาไฟจากการรวมตัวของเถ้าและไอน้ำในชั้นบรรยากาศ และยังก่อให้เกิดแก๊สพิษอันตรายอีกด้วย ดังนั้น “เถ้าภูเขาไฟเป็นสิ่งที่จะฆ่าคุณ ไม่ใช่ลาวา”

การปะทุของภูเขาไฟครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวบริเวณเมืองตาไกไต ใกล้ทะเลสาบ ซึ่งมีทั้งสวนสนุก รีสอร์ท และสโมสรเรือยอร์ช หลายแห่งที่ตั้งอยู่ในรัศมี 17 กม. โดยรอบภูเขาไฟ อีกทั้งยังจะส่งผลกกระทบต่อภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมประมงในพื้นที่โดยรอบภูเขาไฟอีกด้วย