เรือหลวงสุโขทัย : ผิดพลาดอะไร ทำไมอับปาง-พบ 6 ศพ ยังสูญหาย 23

กองทัพเรือ แถลงพบกำลังพลที่สูญหายจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางแล้ว 7 นาย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 6 นาย และรอดชีวิต 1 นาย ยังคงปฏิบัติการค้นหาอีก 23 นาย เป็นวันที่ 4

คืนที่ผ่านมา ( 20 ธ.ค.) เวลาประมาณ 21.00 น. เฮลิคอปเตอร์แบบซีฮอร์ค ลำเลียงศพกำลังพลผู้เสียชีวิต 5 นาย มาที่ท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนนำส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน จ.ประจวบฯ ส่วนกำลังพลอีก 1 นายที่เสียชีวิต ร่างยังอยู่บนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช และจะนำร่างขึ้นฝั่งในวันนี้ ( 21 ธ.ค.)

พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) นำนายทหารเรือระดับสูงเปิดการแถลงข่าวช่วงเย็นของ 20 ธ.ค. ว่าการค้นหาพบผู้รอดชีวิตอีก 2 ราย และผู้เสียชีวิต 4 ราย หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงถัดมา สำนักโฆษกกองทัพเรือ แจ้งเพิ่มเติมสรุปจำนวนกำลังพลที่ค้นหาพบเป็น 7 นาย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 6 นาย

ในการแถลงข่าวช่วงหนึ่ง ผบ.ทร. ว่า กำลังพลที่พบ “ทั้งหมดสวมชูชีพ” และจุดที่พบอยู่ห่างจากจุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางไปทางใต้ราว 60 กิโลเมตร จึงเน้นการค้นหาไปทางใต้ของจุดเกิดเหตุ

“การมีเสื้อชูชีพไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะสามารถจะ… พูดง่าย ๆ รอดชีวิต แล้วได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือ”

“อย่ามองว่าคนไม่มีเสื้อชูชีพทั้ง 30 คน จะสูญเสียทั้งหมด เพราะตัวเลขแสดงให้เห็นแล้วว่า 18 คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพขึ้นมากับ 75 คนแรก ยังเหลือในทะเล 12 คน แล้ว 18 คนที่มีเสื้อชูชีพเองยังอยู่ในทะเลอยู่”  พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าวในการแถลงข่าว

ผบ.ทร. กล่าวว่า สาเหตุของการล่มของเรือหลวงและกรณีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอ จะต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่กองทัพเรือ โดยบางเรื่องสามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องที่เป็นความลับทางราชการต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ “ทั้งหมด กองทัพเรือไม่มีการปกปิดข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น เราจะสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ทุกคนได้ทราบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะญาติพี่น้องของกำลังพล ทร. ที่สูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว”

สำหรับวันนี้ ทร. ระบุว่า เรือรบและอากาศยานของกองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ยังค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพื้นที่ที่ตรวจพบกลุ่มผู้สูญหายเมื่อวานนี้ ในบริเวณ อ.ปะทิว จ.ชุมพร

ก่อนหน้านี้มีเสียงวิจารณ์ว่า บนเรือมีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอสำหรับกำลังพล 30 นายที่ขึ้นเรือเพิ่มเติมเพื่อไปร่วมกิจกรรมครบรอบ 100 ปี การสิ้นพระชนม์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร

พล.ร.อ. เชิงชาย ชี้แจงว่า ตามปกติต้องมีการนำเสื้อชูชีพไปกับกำลังพลที่ขึ้นเรือเพิ่มเติม และบนเรือมีเสื้อชูชีพสำรองจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีแพชูชีพ ห่วงยาง ลูกยางที่ผูกติดกับเรือ

ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุเรือหลวงสุโขทัยทราบถึงเรื่องนี้ จึงเตรียมแผนรับมือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น การเกาะตัวเป็นหมู่ในกรณีเรืออับปาง และแนวทางการช่วยเหลือกันในเหตุฉุกเฉินตาง ๆ อย่างไรก็ตาม ช่วงเกิดเหตุเรือจมลงอย่างรวดเร็ว แต่มีการทำตามขั้นตอนบางส่วน เช่น การกดแพชูชีพซึ่งช่วยคนได้ 20 กว่าคน

พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าวว่า ในกลุ่มผู้ขึ้นเรือกลุ่มใหม่ที่ไม่มีเสื้อชูชีพ 30 คนนั้น ได้รับความช่วยเหลือขึ้นจากทะเลได้ 18 คน และยังสูญหายอีก 12 จึงไม่อยากให้มองว่า คนไม่มีชูชีพจะสูญเสียชีวิตทั้งหมด

ญาติผู้ประสบภัยจุดธูป 19 ดอกขอให้กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ช่วยให้ผู้สูญหายรอดชีวิต

Thai News Pix
ญาติผู้ประสบภัยจุดธูป 19 ดอกขอให้กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ช่วยให้ผู้สูญหายรอดชีวิต

เรือหลวงสุโขทัย ประสบอุบัติเหตุคลื่นลมแรง จนมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก และได้จมลงใต้ทะเลแล้วในช่วงดึกของวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา กำลังพลที่ลงเรือหลวงสุโขทัยในวันเกิดเหตุมีทั้งหมด 105 นาย ขณะนี้สามารถช่วยเหลือได้แล้ว 76 คน และอยู่ในระหว่างการค้นหาอีก 29 คน

หลังจากเรือหลวงสุโขทัยอับปางลงเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 18 ธ.ค. กองทัพเรือเร่งค้นหาเข้าสู่วันที่ 3 ด้วยการเสริมกำลังเรือหลวงจำนวน 4 ลำ โดยมีเรือหลวงอ่างทอง เป็นเรือควบคุมสั่งการ

พล.ร.ท. พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ระบุช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า สภาพอากาศในทะเลอ่าวไทยมีลมเบาลง คลื่นทะเลสูง 2 เมตร ทำให้การปฏิบัติการจะทำได้ง่ายขึ้น คาดหวังว่าวันนี้น่าจะเจอผู้ประสบภัยเพิ่มเติม

สำหรับแผนการค้นหา ได้วางแผนการค้นหารัศมี 30×30 ตารางไมล์ ครอบคลุม จ. ประจวบคีรีขันธ์ และ จ. ชุมพร ตอนบน และจะขยับการค้นหามาทางด่านล่างตามกระแสน้ำ คาดว่าผู้สูญหายจะอยู่จากเรืออับปางในรัศมีด้านล่างไม่เกิน 20 ไมล์ทะเล

เมื่อเวลา 20.45 น. คืนที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) เรือหลวงกระบุรี เข้าเทียบท่าเรือประจวบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากออกลาดตระเวนค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย 31 นาย ที่สูญหาย พร้อมทั้งนำกำลังพล 1 นาย ที่รอดชีวิตจากการค้นหาเจอช่วงเช้ากลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นหลังจากพบว่านอนหมดสติลอยคออยู่กลางทะเลจนปลอดภัย โดยทีมแพทย์พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งตัว ไปยังโรงพยาบาลบางสะพาน ซึ่งพบว่ามีบาดแผลบริเวณศรีษะ และข้อเท้า แต่อาการโดยรวมปลอดภัย

เสื้อชูชีพ กับจำนวนกำลังพล

หนึ่งในข้อสังเกตกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ออกมายอมรับ คือ เรื่องเสื้อชูชีพกำลังพลบนเรือ สอดคล้องกับคำให้การของกำลังพลผู้ได้รับการช่วยเหลือชุดแรก

เมื่อ 19 ธ.ค. ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ มีการนำกำลังพลขึ้นเรือเพิ่มมาอีก 30 คน และคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้เสื้อชูชีพไม่เพียงพอ ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปว่า ทำไมจึงไม่นำเสื้อชูชีพติดเรือมาด้วย

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 23.45 น. 19 ธ.ค. พล.ร.ท. พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ระบุว่า ยืนยันถึงเรื่องเสื้อชูชีพมีไม่เพียงพอว่า ยังมีห่วงชูชีพที่สามารถเกาะอยู่ในน้ำได้ 3 วัน

“ที่ไม่มีชูชีพจริง ๆ 6-7 นาย แต่ยังมีพวงชูชีพ แต่ด้วยคลื่นลมที่แรงมาก พอทุกคนเกาะแล้วเชือกที่ผูกพวงชูชีพมันหลุด” พล.ร.ท. พิชัย พร้อมยืนยันว่าไม่มีกำลังพลติดค้างอยู่ในเรือแน่นอน

ก่อนหน้านี้ บีบีซีไทย ได้เห็นข้อความที่ระบุว่าเป็นรายงานจากกำลังพลรายงานว่า “สถานะ ร.ล. สุโขทัย เรือเอียง 80% กำลังพลของเรือมีเสื้อชูชีพหมดทุกคน (คนประจำ) แต่ในส่วนของกำลังพล นย. (นาวิกโยธิน) และ สอ.รฝ. (หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานต่อสู้รักษาฝั่ง) รวม 30 นาย ที่ไปกับเรือไม่มีชูชีพ”

กำลังพลสองนายให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถึงนาทีที่เกิดเหตุการณ์ว่า ขณะเกิดเหตุ มีคลื่นสูงซัดเข้ามาที่เรือ ตอนแรกยังพอตั้งหลักได้ แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 2 นาที ก็มีคลื่นลูกที่สองซัดเข้ามาที่เรืออีก ทำให้เสียหลักกันทั้งหมด รู้ตัวอีกทีก็ลอยคออยู่กลางทะเล โดยไม่มีเสื้อชูชีพ

พลทหารนายนี้ เล่าว่า เมื่อลอยคอในทะเลต้องเกาะกันเป็นกลุ่ม ให้คนที่มีชูชีพพาลอยไปหาเรือหลวงกระบุรีที่จอดรอช่วยเหลืออยู่ เพื่อนบางส่วนที่ไม่มีชูชีพก็ลอยห่างไปเรื่อย ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการบอกกันว่า ต้องมีบางคนที่ต้องเสียสละ เพราะเสื้อชูชีพไม่พอ

เขายังเห็นเพื่อนสนิทสองคนที่หายไปต่อหน้าต่อตา และทั้งสองคนไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนรอดปลอดภัย

พลทหารอีกนายหนึ่ง กล่าวว่า ขณะถูกคลื่นซัดกวาดจากเรือขณะที่เรือกำลังจม เขาไม่มีเสื้อชูชีพ เมื่อตกลงในน้ำ “ผมก็ไปเกาะเขาเอา”

เกิดอะไรขึ้น

คืนวันที่ 18 ธ.ค. กองทัพเรือ ระบุว่า เรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุ “เรือมีอาการเอียง” เนื่องจากคลื่นลมแรง มีน้ำทะเลไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ควบคุมเรือไม่ได้ และน้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนเรือเอียง โดยภาพที่เผยแพร่บนสื่อทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของ ทร. เป็นภาพเหตุการณ์ในเวลากลางวัน

เหตุเกิดขึ้น ขณะเรือหลวงสุโขทัย ขณะลาดตระเวนระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนั้นมีกำลังพล 106 นายบนเรือ โดยรายงานจากสื่อมวลชนระบุว่า เรือหลวงสุโขทัย กำลังกลับไปยังฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี หลังจากพยายามเข้าจอดเทียบท่าเพื่อร่วมกิจกรรมองค์บิดาของทหารเรือไทย ที่ จ.ชุมพร

เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ พร้อมชุดป้องกันความเสียหาย ถูกส่งเข้าไปช่วยกู้สถานการณ์ โดยเรือหลวงกระบุรี เป็นลำแรกที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุ โดยมีรายงานว่าถึงจุดเหตุเวลา 20.40 น. และพยายามเข้าเทียบเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และช่วยเหลือกำลังพล แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากคลื่นลมยังคงรุนแรง

หลังจากพยายามกู้เรือเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทร. ระบุว่า ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้เนื่องจากคลื่นลมแรงมาก ทำให้เรือหลวงสุโขทัยจมลงเวลา 23.30 น.

บีบีซีสอบถามไปยังกองทัพเรือไทยว่า กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นไหมในประวัติศาสตร์กองทัพเรือ โดย พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า “ในกองทัพเรือแทบจะเกิดขึ้นน้อยมาก ในเรือที่ยังใช้งานอยู่”

พล.ร.อ. ปกครอง ยังระบุอีกว่า กำลังจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่าเหตุใดเรือจึงจมลงได้ ส่วนความคืบหน้าการช่วยเหลือ ณ เวลา 12.00 น. กองทัพเรือช่วยลูกเรือขึ้นมาได้ 76 คนแล้ว และกำลังตามหาอีก 31 นาย

เรือหลวงสุโขทัย หมายเลขประจำเรือ FSG-442  เป็นเรือคอร์เวท สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2530 นับว่าเป็น 1 ใน 10 ลำเรือของกองเรือฟริเกตที่ 1 ซึ่งมีภารกิจเป็นกองเรือปราบเรือดำน้ำ

เว็บไซต์ของกองเรือยุทธการ ระบุศักยภาพของเรือหลวงสุโขทัยว่า ได้รับการติดตั้งระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย มีขีดความสามารถและประสิทธิภาพสูง พร้อมปฏิบัติการรวบได้ทั้ง 3 มิติ ในเวลาเดียวกัน คือ การป้องกันภัยทางอากาศ สงครามผิวน้ำ และสงครามปราบเรือดำน้ำ

ประสบเหตุช่วงคลื่นลมแรงในอ่าวไทย

เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุอับปางจากผลกระทบของคลื่นลมทะเล เกิดขึ้นในช่วงที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ระหว่างวันที่ 17-20 ธ.ค. 2565 คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร

ประกาศกรมอุตุฯ ออกมาฉบับแรกเมื่อ 14 ธ.ค. ขณะที่ประกาศฉบับที่ 8 เมื่อ 18 ธ.ค. ยังเตือนถึงคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยในระดับเดิม

ในช่วงระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค. ปรากฏข่าว เรือสินค้าขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า เรือสันทัดสมุทร 2 บรรทุกตู้สินค้า บรรจุไม้ยางพาราจำนวน 36 ตู้และลูกเรือ 9 คน อับปางบริเวณทะเลอ่าวบ้านดอน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ขณะมุ่งหน้าท่าเรือแหลมฉบัง และเรือบรรทุกน้ำมัน เกยตื้นที่แหลมสมิหลา อ.เมืองสงขลา ใกล้กับปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา

ผู้บัญชาการทหารเรือ เยี่ยมกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่ได้รับการช่วยเหลือขึ้นฝั่ง เมื่อ 19 ธ.ค.

Royal Thai Navy
ผู้บัญชาการทหารเรือ เยี่ยมกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่ได้รับการช่วยเหลือขึ้นฝั่ง เมื่อ 19 ธ.ค.

เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอัปปาง ทำให้ อนาลโย กอสกุล แอดมินของเว็บไซต์ รวมข้อมูลข่าวสารด้านอาวุธและกองทัพฉบับประชาชนที่ชื่อว่า “ไทยอาร์มฟอร์ซ” ThaiArmedForce (TAF) ตั้งข้อสังเกตถึง การประเมินความเหมาะสมของสภาพอากาศก่อนเดินทาง เมื่อเทียบกับขนาดและศักยภาพของเรือในการเดินเรือท่ามกลางคลื่นลมระยะนี้

“เรือลำนี้ไม่ใช่เรือที่ใหญ่มาก เรียกว่าระวางขับน้ำ ไม่ถึง 1,000 ตัน ทนทะเลได้ไม่ค่อยมาก ไม่รู้ว่า ตอนออกเรือ เช็คข่าวอากาศหรือเปล่า เพราะสังเกตว่าช่วงนี้มีเรือสินค้าล่ม และติดฝั่ง 2-3 ลำ” อนาลโย กล่าวกับบีบีซีไทย และระบุว่า มีรายงานว่ามีกำลังพลที่ไม่ใช่กำลังพลประจำเรือไม่มีเสื้อชูชีพ

ด้านคาร์ล สคุสเตอร์ กัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่เกษียณวัยแล้ว ยอมรับกับซีเอ็นเอ็นว่า ลูกเรือไทยเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก กับการนำเรือฝ่าสภาพอากาศที่เลวร้าย

“เมื่อคุณสูญเสียกระแสไฟฟ้า คุณอยู่กลางความมืด ต้องทำทุกอย่างด้วยเครื่องปั๊มน้ำ และถังน้ำ”

“สำหรับเรือขนาดเล็ก อายุใช้งานเกือบ 40 ปี ในทะเลที่คลุ้มคลั่ง โอกาสเรือจม มากกว่าความสำเร็จที่จะฝ่าพายุไปได้”

…..

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว