หลังเปิดการไต่สวนมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งสอบสวนหาความจริงเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภา ก็ได้ข้อมูลสำคัญจากคนวงในทำเนียบขาวถึงเหตุการณ์ในช่วงก่อนหน้าจะเกิดเหตุจลาจลขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง
กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์ได้บุกสภาคองเกรส เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เพื่อกดดันไม่ให้มีการรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดน และให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
กรณีที่เกิดขึ้นนับเป็นเหตุโจมตีรุนแรงที่สุดในรอบ 207 ปีที่อาคารรัฐสภาสหรัฐ เคยเผชิญมานับตั้งแต่กองทัพอังกฤษจุดไฟเผาอาคารแห่งนี้ระหว่างสงครามในปี 1814
ในการไต่สวนสาธารณะรอบล่าสุด น.ส.แคสซิดี ฮัตชินสัน อดีตผู้ช่วยอาวุโสของนายมาร์ก เมโดวส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขึ้นให้การว่า นายทรัมป์ได้ปลุกระดมให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าก่อเหตุจลาจลที่รัฐสภา ทั้งที่รู้ว่าคนกลุ่มนี้มีอาวุธและอาจก่อเหตุรุนแรงได้
น.ส.ฮัตชินสันยังกล่าวหาว่า อดีตผู้นำสหรัฐเข้ากระชากพวงมาลัยรถยนต์ที่เขานั่งมา และพยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับเพื่อเปลี่ยนเส้นทางขบวนรถของเขาให้มุ่งหน้าไปสมทบกับกลุ่มผู้สนับสนุนเขาที่อาคารรัฐสภา
เพิกเฉยต่อความรุนแรง
การไต่สวนสาธารณะครั้งนี้พยายามค้นหาความจริงว่านายทรัมป์และคณะทำงานของเขาที่ทำเนียบขาวล่วงรู้หรือไม่ว่าเหตุชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนมีความเสี่ยง และไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น
น.ส.ฮัตชินสันให้การว่า นายเมโดวส์พูดกับเธอก่อนหน้าจะเกิดเหตุไม่กี่วันว่า เขาคิดว่าสถานการณ์การชุมนุมอาจบานปลายกลายเป็นเรื่องร้ายแรง
เธอยังระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้รับคำเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น และตัวนายทรัมป์เองก็รู้ดีว่ากลุ่มผู้สนับสนุนที่ชุมนุมอยู่ใกล้ทำเนียบขาวและเตรียมเดินขบวนสู่อาคารรัฐสภานั้นมีอาวุธ เพราะถูกเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับห้ามไม่ให้เข้าบริเวณดังกล่าว
ถึงจะรู้เช่นนั้นแต่นายทรัมป์กลับยังยุยงให้ผู้ชุมนุมเดินขบวนไปยังรัฐสภา
น.ส.ฮัตชินสันได้ยินนายทรัมป์พูดว่า “ผมไม่สนว่าพวกเขาจะมีอาวุธ พวกเขาไม่ได้จะมาทำร้ายผม…ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา พวกเขาสามารถเดินขบวนไปที่รัฐสภาจากตรงนี้ได้”
ประธานาธิบดีผู้โกรธเกรี้ยว
เรื่องน่าตกใจที่สุดอีกเรื่องจากการให้ปากคำของ น.ส.ฮัตชินสัน คือคำบอกเล่าที่เธอได้ยินจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งว่า นายทรัมป์ยืนกรานจะไปที่อาคารรัฐสภาตามที่เขาได้กล่าวปราศรัยกับกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาไว้ก่อนหน้านี้
ทว่าเมื่อขบวนรถที่เขานั่งมามุ่งหน้ากลับทำเนียบขาว นายทรัมป์ก็พยายามกระชากพวงมาลัยจากคนขับรถ และต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับเพื่อให้ขบวนรถเปลี่ยนเส้นทาง
“ผมคือประธานาธิบดี…พาผมไปที่รัฐสภาเดี๋ยวนี้” น.ส.ฮัตชินสันบอกเล่าถ้อยคำที่นายทรัมป์พูดในตอนนั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจาก น.ส.ฮัตชินสันขึ้นให้การ แหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับซีบีเอสนิวส์ว่า เจ้าหน้าที่ผู้อยู่บนรถกับนายทรัมป์ในวันนั้นยินดีที่จะขึ้นให้การว่าอดีตผู้นำสหรัฐ ไม่เคยทำร้ายร่างกายพวกเขา หรือพยายามกระชากพวงมาลัยรถตามที่ น.ส.ฮัตชินสันพูดเลย
ในการไต่สวนครั้งนี้ น.ส.ฮัตชินสัน ยังเผยว่า นายเมโดวส์พูดกับเธอว่า นายทรัมป์แสดงท่าทีสนับสนุนตอนที่กลุ่มผู้ก่อจลาจลเรียกร้องให้จับอดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ มาแขวนคอ
น.ส.ฮัตชินสันเล่าว่า ได้ยินหัวหน้าของเธอพูดว่า “เขา (ทรัมป์) คิดว่าไมค์สมควรโดนแล้ว เขา (ทรัมป์) ไม่ได้คิดว่าผู้ก่อจลาจลทำอะไรผิด”
แม้ในกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล คำให้การของ น.ส.ฮัตชินสัน จะถูกมองเป็นเพียงคำบอกเล่าที่ได้ฟังมาอีกทอด ไม่ใช่หลักฐานที่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาคดีได้ แต่ในการไต่สวนครั้งนี้ คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะใช้คำให้การของเธอเพื่อกดดันบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เคยทำงานใกล้ชิดนายทรัมป์ ซึ่งที่ผ่านมาต่างปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการไต่สวนนี้
ด้านนายทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย พร้อมตอบโต้ว่าเขาแทบจะไม่รู้จัก น.ส.ฮัตชินสัน แต่เคยได้ยิน “เรื่องเชิงลบมากมาย” เกี่ยวกับตัวเธอ และว่า การขึ้นให้การที่สร้างความเสียหายต่อเขาเช่นนี้เป็นเพราะ น.ส.ฮัตชินสัน ไม่พอใจที่เขาไม่ได้ให้งานเธอทำต่อหลังออกจากทำเนียบขาวแล้ว
หลังจากนี้ คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีแผนจะเปิดการไต่สวนสาธารณะเรื่องนี้อีกอย่างน้อย 2 ครั้งในเดือนหน้า
……..
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว