ทหารเคเอ็นยูถอนกำลังออกจากค่ายอูเกรทะในเขตรัฐกะเหรี่ยงของประเทศเมียนมาแล้ว

เมื่อ 4 นาทีที่ผ่านมา

ปฏิบัติการทางอากาศของทหารเมียนมาเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายบางส่วนต่อบ้านเรือนราษฎรในเขตชายแดนไทย ขณะที่สถานการณ์การสู้รบผ่อนคลายลงหลังจากทหารเคเอ็นยูถอนกำลังออกจากค่ายอูเกรทะในเขตรัฐกะเหรี่ยงของประเทศเมียนมาแล้ว

สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี ผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซีไทยรายงานจาก อ.แม่สอด จังหวัดตาก รายงานว่า หลังจากการสู้รบระหว่างทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู.) กองกำลังเคเอ็นดีโอ และฝ่ายพีดีเอฟของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมาได้สู้รบกันอย่างหนักใน 3-4 วันที่ผ่านมา โดยฝ่ายทหารเมียนมาที่มีกำลังทหารมากกว่า อาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่า โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินรบ มิก.29 และเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการปะทะกันทางภาคพื้นดิน ทำให้ฝ่ายต่อต้านไม่สามารถอยู่ได้ยึดพื้นครองค่ายอูเกรทะของทหารเมียนมาได้นาน จึงถอนกำลังกลับไปอยู่ในฐานที่มั่นเดิม

นายทหารเคเอ็นดีโอแจ้งว่า ฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมา เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เช่นเดียวกับทหารเมียนมา เสียชีวิตราว 70-80 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

ส่วนยอดผู้ลี้ภัยการสู้รบข้ามมายังจุดปลอดภัยชั่วคราวในฝั่งไทยไทยมีอย่างน้อย 470 คน และมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอนาทีหนีตายของผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า หลายคนต้องหมอบและคลานไปตามพื้นดินเพื่อหนีเอาตัวรอดจากกระสุน ก่อนมุ่งหน้ามายังชายแดนไทย

ยังคงมีผู้ลี้ภัยที่เดินทางเข้าเพิ่มเติมอีกหลังจากหมู่บ้านถูกระเบิด

ที่มาของภาพ, STR/BBC Thai

ด้านศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – เมียนมา จ.ตากรายงานผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจังหวัดตากจากสถานการณ์การปฏิบัติการทางอากาศของทหารเมียนมา บริเวณบ้านทิบาโบ ส่งผลให้มีสะเก็ดระเบิดข้ามเข้ามาตกใส่บ้านเรือนที่พักอาศัยของราษฎรไทย ได้รับความเสียหายเล็กน้อย จำนวน 3 หลัง จากการสำรวจในขั้นต้นไม่มีประชาชนไทยได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ศูนย์สั่งการชายแดนไทย – เมียนมา จ.ตากยังได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือ และปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้านเรือนที่พักอาศัยให้กับราษฎรไทยที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อไป

กองทัพเผยพบผู้มีสัญชาตไทย-เมียนมาเสียชีวิต 2 ราย

สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานข่าว โดยอ้างแหล่งข่าวในกองทัพระบุถึงกรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เสียชีวิต 3 คน จากเหตุถูกระเบิดจากเครื่องบินรบทหารเมียนมา ในฝั่งประเทศเมียนมา และถูกนำตัวข้ามมารักษาที่ฝั่งไทย ส่วนผู้เสียชีวิตนำไปประกอบพิธีฝั่งเมียนมา บางคนมีเอกสารของทางการไทยออกให้ มีบัตรประชาชนไทยว่าเป็นบุคคล 2 สัญชาติจำนวนหนึ่ง ที่ถือสองสัญชาติคือสัญชาติไทย และสัญชาติเมียนมา เพราะตามตะเข็บชายแดนถึงจะเป็นชาวเมียนมาแต่ก็มีญาติอยู่ฝั่งไทย เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในเรื่องของบุคคล 2 สัญชาติ

ผู้บาดเจ็บ 3 คนจากเหตุระเบิดลงกลางบ้านในฝั่งเมียนมา ได้รับการลำเลียงด้วยเรือข้ามแม่น้ำเมยข้ามมารักษาตัวภายในโรงพยาบาลฝั่งไทย

ที่มาของภาพ, SRT/BBC Thai

ทั้งนี้ คนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไทย อำเภอต้องดำเนินการตามขั้นตอน แต่ในเบื้องต้นขณะนี้ต้องรักษาคนเจ็บก่อนตามมนุษยธรรม และเข้าไปสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งว่าอยู่ในประเทศเมียนมามีทะเบียนราษฎร์ของเมียนมาใช่หรือไม่

สรุปเหตุสู้รบชายแดนจากมุมของรัฐไทย

หากนำเหตุการณ์มิก 29 บินรุกน่านฟ้าไทยเป็นจุดตั้งต้น ความไม่สงบตามแนวชายแดนถูกบันทึกไว้อย่างไรโดยศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

บีบีซีไทยสรุปมาไว้ ณ ที่นี้

30 มิ.ย.

  • เกิดการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณบ้านอูเกรทะ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ลึกเข้าไปในฝั่งเมียนมา ประมาณ 1 กม. ทั้งนี้ทหารเมียนมาใช้อากาศยานสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ ก่อนที่การปะทะจะยุติลงในเวลา 17.00 น.
  • ผลการปะทะของกำลังทั้งสองฝ่าย ทำให้มีกระสุนไม่ทราบชนิด/ไม่ทราบฝ่าย ข้ามมาตกยังฝั่งไทย บริเวณไร่ปาล์มของราษฎร บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ส่งผลให้ยานพาหนะของประชาชนได้รับความเสียหาย
รถของชายคนนี้ได้รับความเสียหาย โดยเขานับได้ว่ามีรอยกระสุน 24 รูบนรถของเขา

ที่มาของภาพ, SRT/BBC Thai

  • เวลา 11.59 น. กองทัพอากาศไทยตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก จึงมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือเอฟ-16 จำนวน 2 ลำ ขึ้นบินลาดตระเวนรบในบริเวณดังกล่าวเพื่อปฏิบัติภารกิจป้องกันภัยทางอากาศ
  • จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองกำลังนเรศวรได้แจ้งเตือนและทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) และกองทัพอากาศได้สั่งการให้ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมียนมา แจ้งเตือนและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต
  • ปัจจุบัน มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาเดินทางเข้ามาฝั่งไทยเป็นการชั่วคราว 855 คน เฉพาะวันที่ 30 มิ.ย. มีผู้หนีภัยเข้ามาถึง 576 คน โดยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวภายใน ต.วาเลย์ อ.พบพระ โดยอยู่ที่บ้านมอเกอร์ไทย จำนวน 305 คน (ยอดเดิม 281 คน เข้ามาเพิ่ม 26 คน และขอเดินทางกลับฝั่งเมียนมา 2 คน) ส่วนอีก 550 คนที่ข้ามมาฝั่งไทยภายในวันเดียวกันนี้ อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย บ้านวาเลย์เหนือ ต.วาเลย์ อ.พบพระ
bbc

ที่มาของภาพ, STR/BBC THAI

พล.อ.ต. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) ปฏิเสธข้อวิจารณ์ที่ว่า ทอ. ตอบโต้ล่าช้า โดยระบุว่า หลังได้รับการรายงานและเห็นภาพในจอเรดาร์จากสถานีเรดาร์ว่าเมียนมานำเครื่องบินรบขึ้นบินใช้กำลัง แต่ยังบินวนในเขตของเขา ไม่ได้มีทีท่าว่าจะล้ำแดนเข้ามายังฝั่งไทย ทาง ทอ. ได้เฝ้าระวังและติดตามอยู่ตลอด “จากการวิเคราะห์และดูจากสถานการณ์ ไม่พบว่าจะมีการบินเข้ามาในลักษณะของภัยคุกคาม เพราะเจตนาไม่ได้พุ่งตรงปักหัวมาทางเรา หากยังไม่ล้ำแดนเข้ามา เราก็ยังไม่สามารถปฏิบัติการใด ๆ ได้ เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อกัน” กระทั่งเห็นการใช้อาวุธของเครื่องบินรบเมียนมา แล้วมีการบินม้วนตัวเข้ามาในเขตไทย ซึ่งบริเวณชายแดน อ.พบพระ ตรงจุดที่บินม้วนนั้นจะเป็นจงอยยืนไป จึงได้มีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 จำนวน 2 ลำ จาก อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว ขึ้นบินถึงพื้นที่ อ.พบพระ ภายใน 5-10 นาที

1 ก.ค.

  • เกิดการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณบ้านอูเกรทะ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ลึกเข้าไปในฝั่งเมียนมา ประมาณ 1 กม. ทั้งนี้ทหารเมียนมาใช้อากาศยานสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ ก่อนที่การปะทะจะยุติลงในเวลา 17.00 น.
  • การปะทะของกำลังทั้งสองฝ่าย ไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณแนวชายแดน
  • ปฏิบัติการสำคัญของไทย กองกำลังนเรศวร, ตำรวจภูธรจังหวัดตาก และฝ่ายปกครองจังหวัดตาก ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทัพอากาศมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 จำนวน 2 ลำ บินลาดตระเวนรบในพื้นที่ อ.พบพระ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องบินต่างชาติบินรุกล้ำเข้ามาในฝั่งไทย
  • ปัจจุบัน มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาเดินทางเข้ามาฝั่งไทยเป็นการชั่วคราว 442 คน โดยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวภายใน ต.วาเลย์ อ.พบพระ โดยอยู่ที่บ้านมอเกอร์ไทย จำนวน 298 คน (ยอดเดิม 305 คน เข้ามาเพิ่ม 13 คน และขอเดินทางกลับฝั่งเมียนมา 20 คน) และบ้านวาเลย์เหนือ จำนวน 144 คน (ยอดเดิม 550 คน เข้ามาเพิ่ม 30 คน และขอเดินทางกลับฝั่งเมียนมา 436 คน)

2 ก.ค.

  • ทหารเคเอ็นยู.ถอนกำลังออกจากค่ายอูเกรทะแล้ว
  • ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – เมียนมา จ.ตากสั่งการชายแดนไทย – เมียนมา จ.ตากยังได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือ และปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้านเรือนที่พักอาศัยให้กับราษฎรไทยที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ