บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway Down หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น บวกกับตัวเลขส่งออกที่มีโอกาสติดลบในไตรมาส 4 แนะจับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค.นี้ ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,640 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนใน 5 หุ้นที่ได้อานิสงส์โควิด-19
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ชาวจีนรวมตัวประท้วงรัฐบาลที่ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศจีน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
ผู้ประท้วงบางกลุ่มเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงลาออกจากตำแหน่ง และทางบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่และบริษัทแซดทีอี คอร์ป ถูกห้ามจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐ เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความมั่นคง
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ราคาน้ำมันถูกกดดันจากการที่รัสเซียประกาศว่าจะไม่จัดส่งน้ำมันรวมทั้งห้ามบริษัทและเทรดเดอร์ใด ๆ ของรัสเซียขายน้ำมันให้แก่กลุ่มประเทศที่เข้าร่วมการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย จึงคาดกรอบเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,600-1,640 จุด
ส่วนสถานการณ์ในประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูงจากการประเมินของธนาคารกสิกรไทยถึงแนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีมากขึ้นในปี 2566 ที่คาดว่าจะมี 20 ล้านคน คาดค่าเงินบาทปี’66 อยู่ที่ 33.50-34 บาทต่อดอลลาร์ และตัวเลขการส่งออกที่โอกาสติดลบในช่วง 4Q65
ส่วนปี 2566 คาดส่งออกขยายตัว 2-3% รับพิษเศรษฐกิจโลกชะลอ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าเงินบาทผันผวน สอดคล้องกับที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยในเดือน ต.ค. หดตัว 4.4% จากตลาดคาดโต 5.5-6%
ด้านปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ วันที่ 1 ธ.ค. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และภาคการผลิตเดือน พ.ย. วันที่ 4 ธ.ค. กลุ่มโอเปกพลัสประชุมนโยบายการผลิต วันที่ 6 ธ.ค. ก.พาณิชย์รายงานตัวเลข CPI เดือน ต.ค. และวันที่ 13-14 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการเร่งตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ BCH, CHG, EKH, THG และ WPH