บล.กสิกร ประเมิน 3 ปัจจัยลบ “เก็บภาษีขายหุ้น”

บล.กสิกร

บริษัทหลักทรัพย์ฯกสิกรไทย ประเมิน 3 ปัจจัยลบผลพวง “เก็บภาษีขายหุ้น” แม้รัฐมีรายได้มากขึ้น 1-2 หมื่นล้านบาทต่อปี

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ประเด็นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับหลักการเก็บภาษีขายหุ้น (Financial Transaction Tax) ที่ 0.1% โดยการจัดเก็บภาษีจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 นับจากกฎหมายเรื่องนี้มีผลบังคับใช้แล้ว หรือมีระยะเวลาให้ปรับตัว 90 วัน โดยให้โบรกเกอร์เป็นผู้จัดเก็บให้ เพราะต้องเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว

ซึ่งการจัดเก็บจะมีทุกเดือนเช่นเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไรก็ดี ในปีแรกหลังกฎหมายบังคับใช้ จะให้เก็บในอัตราเพียง 0.05% ก่อน

ประเมินว่าแม้จะทำให้รัฐบาลมีรายได้มากขึ้น 1-2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่จะส่งผลลบต่อตลาดทุนไทย โดยภาษี FTT จะทำให้

1.มูลค่าการซื้อขายของตลาดลดลง เพราะ FTT จะลดแรงจูงใจในการเทรดของนักลงทุน โดยเฉพาะธุรกรรมในกลุ่ม high-frequency trading

2.ความนิยมในการซื้อขายหุ้นในตลาดที่ลดลง ส่งผลให้อัตราส่วนราคาต่อกำไร หรือค่า PE ของหุ้นและตลาดต่ำลง ต้นทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น และ 3.ลดแรงจูงใจในการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นไทย ถ้าค่า PE ไม่น่าจูงใจ