สี จิ้นผิง เยือนซาอุดีอาระเบีย เปิดแผลความสัมพันธ์อาหรับ-สหรัฐ

สี จิ้นผิง เดินทางไปซาอุดีอาระเบีย
สี จิ้นผิง เดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อประชุมเรื่องพลังงาน

สื่อนอกจับตาสี จิ้นผิง ร่วมประชุมสุดยอดจีน-อาหรับ เยือนริยาด เมืองหลวงซาอุฯ สัปดาห์นี้ ประเมินความสัมพันธ์ 3 เส้า จีน อาหรับ สหรัฐ 

วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า แหล่งข่าวทางการทูตชาวอาหรับให้ข้อมูลว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางถึงซาอุดีอาระเบียในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค.นี้ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและทั้ง 2 ประเทศ

โดยการเดินทางเยือนริยาด เมืองหลวงซาอุดีอาระเบียของประธานาธิบดีจีนครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมประชุมสุดยอดจีน-อาหรับ และการประชุมจีน-จีซีซี ซึ่งมีประมุขแห่งรัฐอาหรับอย่างน้อย 14 คน ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจีน-อาหรับ ตามการระบุของแหล่งข่าวทางการทูตชาวอาหรับ ซึ่งอธิบายว่าการเดินทางครั้งนี้เป็น “ก้าวสำคัญ” สำหรับความสัมพันธ์อาหรับ-จีน

ขณะเดียวกัน ข่าวลือเกี่ยวกับการเยือนพันธมิตรตะวันออกกลางที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ของประธานาธิบดีจีนแพร่สะพัดมาหลายเดือนแล้ว แต่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียและจีนยังไม่ได้ยืนยัน

รัฐบาลจีนไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าประธานาธิบดีสีจะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย และซีเอ็นเอ็นกำลังติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของจีน เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้

จีนเยือนซาอุฯ ท่ามกลางความสัมพันธ์ สหรัฐ-ซาอุฯ สั่นคลอน

กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลซาอุดีอาระเบียส่งแบบฟอร์มการลงทะเบียนสำหรับนักข่าว เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด โดยไม่ได้ยืนยันวันที่แน่นอน รัฐบาลซาอุดีอาระเบียปฏิเสธที่จะตอบต่อคำขอของซีเอ็นเอ็น สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และการประชุมสุดยอดที่วางแผนไว้

รายงานการเยือนที่รอคอยมายาวนานนี้ ขัดแย้งกับฉากหลังของความไม่ลงรอยกันหลายประการที่สหรัฐเก็บงำไว้ ทั้งต่อจีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งความน่าสะพรึงของสหรัฐจะทำให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้

สหรัฐและซาอุดีอาระเบียยังคงพัวพันกับการทะเลาะวิวาทอันเผ็ดร้อนเกี่ยวกับการผลิตน้ำมัน ซึ่งในเดือนตุลาคมถึงจุดสูงสุดด้วยวาทศิลป์ที่รุนแรงและข้อกล่าวหาทางการค้า เมื่อกลุ่มพันธมิตรน้ำมันที่นำโดยซาอุดีอาระเบียในชื่อ โอเปกพลัส (OPEC+) ลดกำลังการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะ “รักษาเสถียรภาพ” ราคา โดยการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้น แม้สหรัฐจะรณรงค์ต่อต้านอย่างหนักก็ตาม

ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐมานาน 80 ปี รู้สึกขมขื่นใจต่อสิ่งที่ซาอุดีอาระเบียมองว่ากำลังลดบทบาทด้านความมั่นคงของสหรัฐในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากอิหร่านและผู้แทนติดอาวุธชาวเยเมน

จีน-ซาอุฯ กับบทบาทไม่คว่ำบาตรรัสเซีย

ขณะที่ยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจในภาคตะวันออกอย่างจีนขัดแย้งกับสหรัฐในเรื่องไต้หวัน ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐให้คำมั่นหลายครั้งว่าจะปกป้องไต้หวันหากจีนโจมตี โดยหัวข้อที่ยุ่งยากซับซ้อนซ้ำเติมความสัมพันธ์ที่ล่อแหลมระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งกำลังแข่งขันกันอยู่แล้ว สำหรับอิทธิพลในตะวันออกกลางที่ผันผวน

ในขณะที่พันธมิตรของอเมริกาในอ่าวอาหรับกล่าวหาว่าวอชิงตันล้าหลังในการรับประกันความมั่นคงในภูมิภาคนี้ จีนได้ประสานความสัมพันธ์กับระบอบกษัตริย์ในอ่าวอาหรับ เช่นเดียวกับศัตรูของสหรัฐ เช่น อิหร่านและรัสเซีย

ทั้งจีนและซาอุดีอาระเบียต่างก็มีตัวอย่างที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสงครามยูเครน ทั้งคู่ต่างเลิกสนับสนุนการคว่ำบาตรรัสเซีย และซาอุดีอาระเบียยังคงย้ำอยู่เสมอว่ารัสเซียเป็นหุ้นส่วนหลักด้านการผลิตพลังงานที่ต้องปรึกษาหารือเกี่ยวกับการตัดสินใจของ OPEC+ หลังการลดน้ำมันครั้งใหญ่เมื่อเดือนตุลาคม

เจ้าหน้าที่สหรัฐบางคนกล่าวหาว่าซาอุดีอาระเบียเข้าข้างรัสเซียและช่วยเหลือประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในการทำสงครามกับยูเครน

ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อเดือนตุลาคมว่า สหรัฐต้อง “ทบทวน” ความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งดูเหมือนประธานาธิบดีพยายามแก้ไขในการเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังประกาศว่าจะเปลี่ยนราชอาณาจักรให้กลายเป็น “คนนอกคอก” และประณามมกุฎราชกุมารและโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เกี่ยวกับการสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย

โดยการเยือนริยาดของไบเดนครั้งนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาน้ำมันขาดแคลนทั่วโลก และเขาทักทายบิน ซัลมาน ด้วยการชกหมัด ซึ่งทำให้เป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม การมาเยือนซาอุฯ ของไบเดนที่เย็นยะเยือกในท้ายที่สุดไม่ได้ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แต่มีเพียงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเท่านั้น

จับตาการขยายอิทธิพล SCO ในแดนอาหรับ

ด้าน เซาท์ ไชน่ามอนิ่ง โพสต์ รายงานวิเคราะห์ทริปเยือนซาอุดีอาระเบียของ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในสัปดาห์นี้ เป็นที่จับตาว่าจะเป็นอีกก้าวของการขยายตัวของกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ Shanghai Cooperation Organisation หรือ SCO ในตะวันออกกลางหรือไม่

จีนไม่เพียงเติบโตในฐานะหุ้นส่วนการค้า แต่ยังเป็นนักลงทุนในภาคพลังงานที่ร่ำรวยของอ่าวเปอร์เซีย

การที่ซาอุดีอาระเบียจะเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ ส่วนอิหร่านจะเข้าร่วมเป็นสมาชิก ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจีนสร้างพันธมิตรด้านพลังงานได้อย่างไม่ต้องผูกมัด หรือเลือกข้าง

ราฟาเอลโล ปันตุชชี นักวิจัยสถาบัน S. Rajaratnam School of International Studies ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า การประชุมครั้งนี้จะเน้นเรื่องพลังงานอย่างยิ่งยวด และจะเป็นอีกครั้งที่การประชุมจะมุ่งไปยังทิศทางนี้ เพราะสิ่งที่เราเห็นจากท่าทีของซาอุดีอาระเบียที่นิ่งเฉยต่อสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน

ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ในกลุ่มพันธมิตรโอเปกพลัสนั้นสั่นคลอน หลังจากที่โอเปกพลัสตัดสินใจลดกำลังการผลิตลงอย่างมากเพื่อพยุงราคา

สหรัฐระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกเลวร้ายลง และสนับสนุนรายได้น้ำมันของรัสเซียจากจีนและตลาดอื่น ๆ ที่ใช้เพื่อเป็นทุนในการทำสงครามในยูเครน

อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียยังคงเป็นแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของจีนในเดือนตุลาคม ตามข้อมูลศุลกากรของจีน นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยังเป็นคู่เจรจาของ SCO ที่สนใจยกระดับสถานะเป็นผู้สังเกตการณ์

สหรัฐ-ซาอุฯ ห่างเหิน โอกาสจีนกระชับความสัมพันธ์

นักวิจัยจากสิงคโปร์กล่าวว่า ความตึงเครียดของอ่าวอาหรับกับสหรัฐเป็นโอกาสสำหรับจีนในซาอุดีอาระเบีย

เพราะ “ชาวจีนต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น และเน้นย้ำว่าซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศเอกราชที่ยอดเยี่ยม ที่ทำงานร่วมกับเราอย่างมีความสุข ฉันคิดว่านั่นคือเรื่องเล่าที่พวกเขาต้องการผลักดันออกไป” ปันตุชชีกล่าว

ส่วนอียิปต์และกาตาร์ได้กลายเป็นหุ้นส่วนการเจรจาของ SCO ขณะที่อิหร่าน ซึ่งถูกคว่ำบาตร มีลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดคือจีน ได้ผ่านร่างกฎหมายเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม

รัสเซียซึ่งเป็นผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของจีนเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง

ลิ ลิฟาน หัวหน้าศูนย์ SCO ที่ Shanghai Academy of Social Sciences กล่าวว่า เมื่ออิหร่านเข้าร่วมกลุ่มแล้ว จะช่วย SCO ขยายชมรมพลังงาน ซึ่งเป็นเวทีที่นำโดยรัสเซีย สำหรับประเทศ SCO เพื่อหารือเกี่ยวกับการค้าพลังงาน โดยไม่มีข้อผูกมัด

ผู้นำของ SCO กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียนเป็นพื้นที่สำหรับความร่วมมือ โดยมีความทะเยอทะยานในการพัฒนากลยุทธ์ด้านพลังงานร่วมกันทั่วทั้งทวีปยูเรเซีย หลังจากจีนเดินท่อส่งก๊าซธรรมชาติเอเชีย-จีน ระยะทาง 3,666 กิโลเมตร (2,280 ไมล์) ซึ่งส่งก๊าซธรรมชาติจากเติร์กเมนิสถานไปยังจีนได้สำเร็จ และในเดือนพฤศจิกายน นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนได้เรียกร้องให้หน่วยงาน SCO ยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านพลังงาน

อย่างไรก็ตาม มีคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ SCO นอกเหนือจากการเจรจาเรื่องการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของจีนและการถ่วงดุลผลประโยชน์ด้านพลังงานของชาติตะวันตกในภูมิภาค

ลิฟานเห็นพ้องกันว่า อิหร่านสามารถใช้กลุ่มนี้เป็นเวทีในการสร้างอิทธิพลต่อต้านสิ่งที่มองว่าเป็นเจ้าโลกจากตะวันตก แม้ว่า SCO จะถูกบีบให้ออกจากสหประชาชาติ อย่างน้อย SCO ก็สามารถเป็นเวทีทุกปีสำหรับรัฐมนตรี หัวหน้าแผนก ผู้นำรัฐ และนายกรัฐมนตรี ด้วยวิธีนี้ SCO สามารถพูดในเวทีระหว่างประเทศได้

อีกทั้ง SCO สามารถมีบทบาทต่อไปในการลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าพลังงาน โดยการส่งเสริมสกุลเงินท้องถิ่น โดยชี้ไปที่ข้อตกลงก๊าซระหว่างรัสเซียและจีนในสกุลเงินรูเบิลและหยวน