
คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มี 8 ข้อ แต่คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ในสายตาปัญญาชนสยาม นาม ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย บอกว่าชื่นชอบ มี 10 ข้อ
ในฤดูการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงโค้งลงคะแนน 14 พฤษภาคม 2566 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคใหญ่อย่างน้อย 2 พรรค ถูกร้องเรียนเรื่อง “คุณสมบัติต้องห้าม” ที่อาจ-ไม่อาจขึ้นดำรงตำแหน่ง
- พายุลูกใหม่จ่อเข้าไทย ชี้ความรุนแรงเท่า “เตี้ยนหมู่” ระวังน้ำท่วมใหญ่
- นายกฯตั้งบอร์ดใหญ่คุมแจกเงิน 10,000 บาท ห้าง-โมเดิร์นเทรดรับอานิสงส์
- กรมอุตุฯเตือน “พายุดีเปรสชั่น” เข้าไทย รับมือฝนตกหนัก-ท่วมฉับพลัน
คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ได้บัญญัติไว้ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ …”
และนายกรัฐมนตรี ต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ดังนี้
- มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
- มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี
- สําเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
- มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
- ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
- ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (บุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) - ไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่
ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท - ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุกระทําการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือ
มาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง
สำหรับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เขาเคยตอบคำถามเรื่องนายกรัฐมนตรี ที่เขาชื่นชอบ ไว้ว่า…
“ผมชอบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นะ ท่านมีนโยบายที่ก้าวหน้า นำพาพรรคที่มี ส.ส. แค่ 18 คน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี”
เขาอ้างถึง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ชื่อถูกพระราชทานจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ผู้จบมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เกียรตินิยม ตั้งแต่หนุ่มวัย 24 เป็นผู้จัดการธนาคาร ก่อนก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ในฐานะผู้นำพรรคกิจสังคม ที่มีสโลแกน “เราทำได้” ใช้นโยบาย “เงินผัน ประกันราคา และรักษาฟรี” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 13 และคนในตระกูล “ปราโมช” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน
เศรษฐาเดินสายปราศรัยหาเสียง ในสนามการเมืองนับตั้งแต่ จาก 1 มีนาคม 2566 ที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จนถึงวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 นับได้ 75 วัน แต่เวลาแห่งการเตรียมตัวเขาน่าจะมีราว 4 ปี
อายุงานการเมืองอาจไม่สูง แต่พอร์ตธุรกิจ คอนเน็กชั่น ครบเครื่องระดับหนึ่งตลอดเวลาแห่งอาชีพนักธุรกิจอสังหาฯ กว่า 30 ปี รวมถึงเป็นพี่-น้อง เพื่อนฝูงกับ อนุทิน ชาญวีรกูล แดนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย จากอดีตถึงปัจจุบัน
มุมมองรสนิยมการเมืองเรื่องเบื้องบน-เบื้องล่าง ตอบโจทย์กลุ่มผลประโยชน์ สอดรับสถานะ-ทุกกาล
เศรษฐา ทวีสิน นิยมชมชอบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเขียนถึงคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีไว้ 10 ข้อ มีหลายข้อละม้ายความเป็น “เศรษฐา ทวีสิน”
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเขียนไว้ว่า “กระผมคิดว่าควรจะเป็น…คนแบบนี้”
1.คนค่อนข้างหนุ่ม อายุประมาณสัก 45 ปี จะได้มีพลังกายเข้มแข็งพอที่จะสู้งานได้ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน
2.ควรจะเป็นคนที่สายตาแหลม มองอะไรทะลุปรุโปร่ง
3.มีวิจารณญาณดี รู้จักวินิจฉัยสิ่งต่าง ๆ โดยตลอดอย่างทั่วถ้วนทุกแง่มุม ทั้งในด้านผลที่จะเกิดขึ้นภายในบ้านในเมืองเอง และในความสัมพันธ์ระหว่างชาติ
4.นายกรัฐมนตรี ควรเป็นคนที่สามารถทําให้กลุ่มพลังผลักดันทุกกลุ่มพอใจได้
5.สามารถเกลี้ยกล่อมบุคคลที่คิดจะมาจองล้างทางการเมือง ให้หันมาเห็นดีเห็นชอบด้วยได้
6.ในเวลาเดียวกันก็เก่งกาจในศิลปะทางการเมืองถึงขนาดเล่นกล เรียกคะแนนเสียงมาช่วยให้ร่างพระราชบัญญัติที่สําคัญ ๆ ผ่านสภาไปได้
7.นายกรัฐมนตรีควรเป็นคนมีพรสวรรค์ชั้นพิเศษ
8.มีบุคลิกที่สามารถดึงดูดใจชาวบ้าน
9.นายกรัฐมนตรีควรจะมีชีวิตส่วนตัวที่สะอาดและบริสุทธิ์ ไร้มลทิน และจุดอ่อนที่จะทําให้เพลี่ยงพล้ำได้ง่าย
10.ท้ายที่สุดจะต้องเป็นคนรักชาติบ้านเมือง ไม่แต่เท่านั้น ยังจะต้องเป็นผู้มีมนุษยธรรมและการุณยธรรมสูง มีความเข้าใจในความทุกข์ยากของมนุษยชาติอีกด้วย