มหา’ลัยภูธร ดันสตาร์ตอัพ Future Food บุกลอนดอน-ออร์เดอร์พุ่ง

Future Food

ความท้าทายของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Science and Technology) จากงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์เป็นโจทย์ใหญ่อนาคต หากสามารถยกระดับและต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ จะสร้างมูลค่าสินค้า วัตถุดิบในประเทศให้ขยายตัวได้มหาศาล

ดังนั้น สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ฯลฯ ต่างพยายามผลักดันที่จะดึงงานวิจัยลงจากหิ้ง ผ่านผู้ประกอบการใหม่ (Startup) ด้านเทคโนโลยีชั้นสูง

โดยเฉพาะงานวิจัย “อาหารแห่งอนาคต” หรือ Future Food ซึ่งเป็นเป้าหมายหนึ่งของประเทศไทยที่ปักหมุดเป็นครัวของโลก และเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีศักยภาพสำหรับการพัฒนาอาหารแห่งอนาคต และนับเป็น Soft Power สำคัญ โดยเฉพาะนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารผู้สูงอายุ ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030

ดัน Future Food ไทยสู่โลก

รศ.ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล รองผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์วิจัย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ล่าสุด บพข. ร่วมกับองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่

แพลตฟอร์มเร่งรัดการเติบโตทางธุรกิจ (FOREFOOD Business Acceleration Platform for Food Tech Startups & Spinoffs) เมืองนวัตกรรมอาหาร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โครงการจัดตั้งศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (ศกศอ.) หรือ International Gastronomy Tourism Centre (iGTC) คณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หน่วยวิจัยทางประสาทสัมผัสและผู้บริโภคแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KUSCR) คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ส่วนภาคเอกชน ได้แก่ หอการค้าจังหวัดจันทบุรี บริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด และบริษัท ซิลพิน เอเชีย จำกัด (Silpin Asia Co., Ltd.) ที่จะร่วมผลักดันสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร จำนวน 10 ราย

ADVERTISMENT

Future Food

โดยจะเร่งขับเคลื่อนงานวิจัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึก ออกสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีอาหารไทยได้อย่างยั่งยืนในตลาดโลก โดยเน้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารและส่วนผสมอาหารแห่งอนาคต ผ่านนวัตกรรมการเล่าเรื่องราวของแต่ละผลิตภัณฑ์นวัตกรรมผ่านสื่อเชิงสร้างสรรค์ ด้วยแนวคิดเภตรารสไทย (Thailand Tastetology) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีไทย (Thai Tech) และสัมผัสไทย (Thai Touch) มีการกระตุ้นประสาทสัมผัสด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีกลิ่นรส

ล่าสุดโครงการได้นำ 10 สตาร์ตอัพ ด้านอาหารแห่งอนาคตของไทย ไปร่วมงาน London Tech Week 2024 เมื่อวันที่ 10-14 มิถุนายน 2567 ซึ่งได้นำเสน่ห์ความเป็นไทย ภายใต้ธีม “Thailand’s Taste of Tomorrow : Fostering the Future of Food, Faith and Flavours” ณ ริเวอร์ไซด์ สตูดิโอ กรุงลอนดอน เพื่อดึงดูดนักลงทุน ผู้นำเข้า และกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายต่าง ๆ ต่อยอดอาหารไทยให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำในตลาดโลก

ชูรูป-รส-กลิ่นผ่านสื่อดิจิทัล

รศ.ดร.ชาลีดากล่าวต่อไปว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการผนวกทีมนักวิจัยจาก KUSCR ไปนำรูป รส กลิ่น ผสมผสานผ่านสื่อ แสง เสียง ในรูปแบบศิลปะดิจิทัล เป็นการจัดแสดงเทคโนโลยีอาหารเหนือจินตนาการควบคู่กับคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

โดยนำกลิ่นอายของป่าหิมพานต์ในวรรณคดีไทย นำเสนอในชื่อนิทรรศการ หิมพานต์รีมิกซ์ 2050 ประสบการณ์อาหารผสมการออกแบบเสียงโดยเชฟไทยรุ่นใหม่ ผ่านการนำเสนอ “ศิลปะแห่งรสสยาม” (The Art of Siamese Taste) ที่ไม่เหมือนใคร ภายในแกลเลอรี่กลิ่น (Olfactory Gallery) สุดล้ำ ซึ่งออกแบบโดย SILPIN Thailand

การเปิดตลาดจากงานวิจัยเชิงลึกครั้งนี้ได้รับประสบการณ์ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะ เกรฮาวด์ คาเฟ่ เปิดร้านอาหารไทยในหลายประเทศ ทำให้รู้ว่าอาหารแบบไหนถูกใจคนท้องถิ่นนั้น ๆ และต้องบริหารจัดการอย่างไรอาหารไทยจึงจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน หรือ ซิลพิน เอเชีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสร้างสรรค์ผลิตวัตถุดิบแต่งกลิ่นอาหารไทยให้มีรสชาติน่าอภิรมย์ยิ่งขึ้น จะแนะนำคุณสมบัติของกลิ่นมาต่อยอดอาหารไทยของ 10 สตาร์ตอัพให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

Future Food

ขณะที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ช่วยเติมความคิดสร้างสรรค์บนฐานขององค์ความรู้ ทรัพย์สินทางปัญญา และการศึกษาวิจัยซึ่งเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม พื้นฐานทางประวัติศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจ การผลิตสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่ ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจหรือคุณค่าทางสังคมในอนาคต โดยเฉพาะการเปิดตลาดสู่ต่างประเทศที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง

ไปลอนดอน 4 วันออร์เดอร์ทะลัก

นายอนุวัต เชื้อเย็น ผู้อำนวยการ ศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (ศกศอ.) คณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า 10 สตาร์ตอัพ ที่ไปร่วมงาน London Tech Week 2024 ได้รับความสนใจจากกลุ่ม VC

และนักลงทุนในลอนดอนอย่างมาก เช่น Plant Origin ผงไข่แพลนต์เบส เป็นกลุ่มอาหารระดับไฮเอนด์ ที่มีตลาดรองรับอยู่แล้ว ส่วน Rico ไวน์ข้าวหมักไร้แอลกอฮอล์จากข้าวไทย และ Get Taste Thai ผลิตภัณฑ์เม็ดฟู่สมุนไพร รสผลไม้ไทย ได้รับคำสั่งซื้อทันทีในระหว่างจัดแสดง ส่วนสตาร์ตอัพที่เหลือ คาดว่าอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองเพื่อสั่งซื้อ ทั้งนี้ กล่าวได้ว่าทั้ง 10 สตาร์ตอัพ มีโอกาสเติบโตทางการตลาดสูงถึง 100 ล้านบาทต่อผลิตภัณฑ์ในอนาคต

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเป็นสตาร์ตอัพในช่วง 3-5 ปีแรก เป็นช่วงที่อาจติดลบ และ 8 ใน 10 ราย อาจล้มหายตายจากหรือปิดกิจการไป ด้วยปัจจัยคือผลิตภัณฑ์ที่อาจไม่ตอบโจทย์ตลาด และเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ดังนั้น ความยั่งยืนของสตาร์ตอัพจึงเป็นโจทย์ที่สำคัญมาก โดยทั้ง 10 สตาร์ตอัพภายใต้โครงการนี้ ถือว่ามีความเข้มแข็งและผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของตลาด และมีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากอาหารแห่งอนาคตเป็นนวัตกรรมที่ผ่านกระบวนการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ

คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แหล่งปลูกทั้งน้ำและดิน และตอบโจทย์เทรนด์ ESG ที่การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นความยั่งยืน โดยไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance : ESG) ซึ่งปัจจุบัน ESG ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่โลก และเป็นแนวคิดที่นักลงทุนใช้ประกอบการพิจารณาการลงทุน

ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของ 10 สตาร์ตอัพ น่าจะตอบโจทย์สำหรับ VC กลุ่มกองทุน Impact Venture Capital ที่ค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่อง ESG เป็นหลักในการลงทุนหรือร่วมทุน ซึ่งเมื่อเกิดการร่วมทุนกันขึ้น สตาร์ตอัพก็จะเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคต

“ดึงวัตถุดิบไทย” วิจัยเชิงลึก ตอบโจทย์อาหารโลกอนาคต

สำหรับสตาร์ตอัพ 10 รายที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วม “โครงการการทดสอบแพลตฟอร์มส่งเสริมการตลาด สำหรับธุรกิจนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดในตลาดโลก” (Food Innovation Global Market Launchpad Testbed : Thailand’s Taste of Tomorrow) สามารถเปิดตัวในระดับโลก ได้แก่

1.ChixTein โปรตีนไก่เข้มข้น ธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ (All Natural Chicken Protein Concentrate) เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากงานวิจัย 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาในการพัฒนา 5-6 ปี โดยผู้คิดค้นมองว่าประเทศไทยมีจุดแข็งคือเป็นแหล่งโปรตีน โดยผงโปรตีนไก่เข้มข้น มีโปรตีน 80-83 เปอร์เซ็นต์ จาก 100 กรัม ซึ่งเท่ากับกินอกไก่ถึงครึ่งกิโลกรัม จึงเป็นการตอบโจทย์คุณค่าให้กับผู้บริโภค เป็นงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวร

2.OverDaBlue ผลิตภัณฑ์ผงสาหร่าย (Wild AlgaeTM (Spirulina) and Biominerals from Wild AlgaeTM) ที่นำการพัฒนากระบวนการเลี้ยงสาหร่ายแบบทางเลือก จากสาหร่ายป่า (WILD Spirulina) เป็นผลิตภัณฑ์วีแกน ถือเป็นแหล่งอาหารแห่งอนาคต เพราะมีสารสำคัญ เช่น แคลเซียม โดยเทคโนโลยีเชิงลึกของบริษัททำให้แคลเซียมที่ผลิตได้ มีคุณค่าถึง 100 เท่า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป เป็นงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

Future Food

3.Plant Origin ผงไข่แพลนต์เบสด้วยโปรตีนจากรำข้าว (Plant-Based Egg Powder with Rice Bran Protein) ศึกษาการสกัดโปรตีนจากรำข้าว ซึ่งเป็นเศษวัสดุเหลือจากกระบวนการแปรรูปข้าว มีโปรตีนในปริมาณสูงมากกว่า 10-15 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำมาสกัดโปรตีนเพื่อความยั่งยืนของการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรให้กลายเป็นสินค้ามูลค่าสูง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

4.Samadul อาหารเพียวเร่จากธัญพืชพร้อมทานสำหรับผู้มีภาวะกลืนลำบาก (Plant-Based Pure for Dysphagia) คนที่มีปัญหาการกลืนยาก คนที่ต้องการพลังงานสูง แต่ว่าทานได้น้อย มีโปรตีนจากแหล่งพืชที่มีไฟเบอร์สูง มีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน สร้างเนื้อสัมผัสให้เหมาะสมกับผู้ที่มีภาวะกลืนยาก เพิ่มความน่าทานโดยการนำผลไม้ที่มีความสดชื่น เปรี้ยวอมหวาน ช่วยกระตุ้นการบริโภค เป็นงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

5.Rico ไวน์ข้าวหมักไร้แอลกอฮอล์จากข้าวไทย (Nonalcoholic Rice Wine from Thai Rice) ซึ่งพบว่าแนวโน้ม Rice Wine เติบโตในตลาดโลก ซึ่งในประเทศไทยมีสินค้าใกล้เคียงกันเรียกว่า “สาโท” แต่เป็นสินค้าที่หาได้ยาก ทำให้เสียโอกาสในการนำข้าวไทยมาพัฒนาต่อ จึงนำข้าว กข43 ซึ่งมีดัชนีน้ำตาลต่ำ คนเป็นโรคเบาหวานรับประทานได้ มาพัฒนาเป็น น้ำข้าวหมัก ภายใต้แนวคิดแบบ Rice Wine ไม่มีแอลกอฮอล์ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ Rico น้ำข้าวหมักในน้ำแร่ เจ้าแรกของประเทศไทย และเจ้าแรกของโลก งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Future Food

6.Get Taste Thai ผลิตภัณฑ์เม็ดฟู่สมุนไพรรสผลไม้ไทย (Thai Fruit-Infused Herbal Effervescent Tablet) เพื่อตอบโจทย์ผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนยาก โดยเน้นผลไม้ที่เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยใช้เทคโนโลยีเชิงลึกที่คิดค้นเพื่อสกัดจนได้กลิ่น รสชาติ สารอาหาร วิตามิน ครบถ้วน งานวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

7.ImuneUP ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมเชิงฟังก์ชั่นส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน (Cell-Based Immune Boosting Ingredients) ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมเชิงฟังก์ชั่นส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และได้รับรางวัล ท็อปอินโนเวชั่น จากงาน THAIFEX ด้วยความโดดเด่นของเทคโนโลยีเชิงลึก ซึ่งได้ร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถย่นระยะเวลาการเพาะเลี้ยงเห็ดถังเช่าสีทอง เพื่อนำสารมาสกัดสำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จากปกติที่ต้องใช้เวลาเลี้ยง 90 วัน เหลือเพียง 7 วัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้

8.Calcineers ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอแคลเซียมจากกระดูกปลาทูน่า (Bio Calcium from Tuna Bones) โดยนำเศษเหลือจากปลาที่ถูกขนไปทิ้งหรือไปทำอาหารสัตว์จำนวนมาก ผลิตแคลเซียมจากกระดูกปลาทูน่า นอกจากจะเป็นไบโอแคลเซียมแล้ว ยังผสมสมุนไพร เพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเป็นออร์แกนิกส์ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงดูดซึมง่าย ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้

Future Food

9.Honey Medica น้ำผึ้งสมุนไพร หรือ Super Honey จากเสม็ดขาว (Sustainable Honey-Based Health Products from Melaleuca) เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งคุณภาพที่มาจากน้ำผึ้งภาคใต้ของไทย ทั้งที่เป็นรูปแบบ Honey Shot และ Honey Yummy เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วย โรคภัยต่าง ๆ และในอนาคตได้วางแผนในการทำโครงการที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับผึ้ง และจะขยายผลการเลี้ยงผึ้งกับพืชพันธุ์หลากหลายในประเทศไทย เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่มีกลิ่น รสชาติ แตกต่างออกไป งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

10.Musarium ซีเรียลอบกรอบ เพื่อสุขภาพจากแป้งกล้วยน้ำว้าและข้าวไทย (Cereal-Based Products from Green Banana Flour and Thai Rice)

โดยนำกล้วยน้ำว้าทำเป็นผง นอกจากจะช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการแปรรูปเป็นอาหารมูลค่าสูง เหมาะสำหรับผู้ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือควบคุมระดับน้ำตาล มีใยอาหารตามธรรมชาติ กินแล้วไม่อ้วน เกิดสารที่ดีต่อสุขภาพ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ปัตตานี)