ระบบสาธารณสุขประเทศเมียนมา กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ หลังบุคลากรทางการแพทย์ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร ไม่ไปทำงาน โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ 13 คนเสียชีวิต และอีก 150 คน ซึ่งถูกจับกุม
วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ระบบสาธารณสุขประเทศเมียนมากำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ หลังบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมการสนับสนุนการทำอารยะขัดขืน หรือ “Civil Disobedience Movement” (CDM) ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหารโดยการไม่ไปทำงาน หรือลงถนนไปเพื่อประท้วง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
ขณะเดียวกัน “สตีเฟน พอล จอสท์” ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) เมียนมา กล่าวว่า ตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองกำลังปราบปรามเมียนมา ได้ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ 13 คนเสียชีวิต และยังมีการโจมตีทางอาวุธ ที่มุ่งไปยังบุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาล รวมถึงรถพยาบาลถึง 179 ครั้ง
นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ 150 คนถูกจับกุม และแพทย์กับพยาบาลอีกหลายร้อยคนถูกตั้งข้อหาก่อจลาจล ขณะที่ทางรัฐบาลทหาร รวมถึงหน่วยงานสาธารณสุขประเทศ ยังไม่มีการแถลงการณ์ถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงอัตราผู้ป่วย แต่ได้เรียกร้องให้บุคลากรทางการแพทย์กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งแทบจะไม่ได้ผล
ตั้งแต่การรัฐประหาร มีประชาชนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 800 ราย โดยหลายประเทศทั่วโลกไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร และการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน โดยล่าสุด ประเทศญี่ปุ่น “ข่มขู่” ทางการเมียนมาว่า จะระงับความช่วยเหลือทั้งหมด ส่วนสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร (ยูเค) และแคนาดา ร่วมมือกันออกมาตรการคว่ำบาตรต่อกองทัพเมียนมาเพิ่มเติม