ป่วนนโยบายพลังงานรัฐ หลัง กบง.ปรับสูตรลดใช้ไบโอดีเซลเหลือ บี7 ทุบชาวสวนปาล์ม 5 จังหวัดออกโรงโวยแหลก ด้านผู้ค้าปลีกน้ำมัน “พีทีจี” โอดปีนี้โดน 3 เด้ง โควิดทุบดีมานด์ ความไม่ชัดเจนนโยบายหลังตรึงราคาดีเซลลิตรละ 28 บาท 4 เดือน ลดค่าการตลาด 1.40 บาท ทำราคาขายปลีกทุกปั๊มไม่เท่ากัน
หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธาน เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 มีมติรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ โดยการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อเดือน ร่วมกับการดูแลค่าการตลาดน้ำมันไว้ที่ระดับ 1.40 บาทต่อลิตร จากที่ กบง.เคยปรับลดไปเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา จากระดับ 1.80 บาท
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- ไขปม Taobao Thailand เป็นใคร ทำอะไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
และการปรับสูตรลดส่วนผสมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากเดิมที่มี 3 ชนิด คือ บี 7 บี 10 และบี 20 ให้เหลือเพียง บี 7 เป็นเวลา 4 เดือน มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 64-31 มี.ค. 65 จากที่เคยปรับให้เหลือ บี 6 เมื่อการประชุม กบง.ครั้งก่อน มีผล 11-31 ต.ค. 64 ทั้งหมดนี้เพื่อจะช่วยให้ราคาดีเซลปรับลดลงจาก 30 บาทต่อลิตร เหลือ 28 บาทต่อลิตร
อีกด้านหนึ่งถือเป็นการตอบสนองข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ขอให้ตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่เกิน 25 บาทต่อลิตร ให้ปรับลดการใช้ไบโอดีเซล เพราะราคาปาล์มปรับสูงขึ้น กก.ละ 9 บาท ทำให้ต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบที่จะนำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลบี 100 ซึ่งจะนำมาเป็นส่วนผสมในดีเซลหมุนเร็วปรับสูงขึ้นตาม
หากมีการลดสัดส่วนการใช้ เช่น จากบี 20 ไปเป็นบี 7 จะทำให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันลดลง เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนส่งให้ตรึงค่าบริการขนส่งไว้ ตามที่กลุ่มได้เคลื่อนขบวน truck power ยื่นหนังสือกดดันรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยขีดเส้นว่าหากไม่ได้รับการพิจารณาตามข้อเรียกร้องจะปรับราคาค่าขนส่ง 10% ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งฯเปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการขนส่งจะตรึงค่าบริการขนส่งไว้ในอัตราเดิม ยังไม่ปรับขึ้นราคาในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เพราะจะมีการเจรจาต่อรองกับกระทรวงพลังงาน ภายหลังจากที่ กบง.ได้พิจารณาลดสูตรการใช้น้ำมันบี 7 แล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์
ผู้ปลูกปาล์มยื่นค้านมติ กบง.
นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม 5 จังหวัด ได้ประชุมหารือและมีข้อสรุปให้ทำหนังสือคัดค้านมติ กบง. ที่ปรับลดสเป็กเหลือบี 7 โดยส่งเรื่องให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และขอความชัดเจนใน 15 วัน หากไม่มีคำตอบใด ๆ ออกมาก็พร้อมที่จะยกระดับเข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้ จากการร่วมหารือกันของเกษตรกรมีข้อสรุปว่า มติของ กบง.ไม่เห็นชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีอำนาจที่จะประกาศใช้นโยบายให้ปรับสเป็กน้ำมันเหลือบี 7 ชนิดเดียว และไม่เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนนโยบาย การปรับลดบี 20 บี 10 ให้เหลือบี 7 โดยยังต้องการให้คงการใช้เหมือนเดิม
ที่สำคัญคือ มติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตปาล์มน้ำมัน ทั้งอุตสาหกรรมผลิตไบโอดีเซลและแปรรูป ทั้งนี้ รัฐบาลควรพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรม เร่งวางพื้นฐาน ปรับปรุงโครงสร้างการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ
“การออกมติดังกล่าวไม่สอดคล้องสถานการณ์ที่ผลปาล์มน้ำมันกำลังจะออก และส่งผลกระทบกับราคาผลปาล์มที่จะเริ่มออกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 และออกมากสุดช่วง มี.ค.-เม.ย. 2565 ส่วนราคาปาล์มตอนนี้อยู่ที่ 7-9 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำมันปาล์มดิบ 44 บาทต่อกิโลกรัม สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 2.5 แสนตัน หากส่งออกไม่ได้ก็ยิ่งกระทบหนัก”
ลดค่าการตลาดทุบผู้ค้าน้ำมัน
อีกด้านหนึ่ง ฝั่งผู้ค้าปลีกน้ำมันก็ได้รับผลกระทบจากการกำหนดนโยบายพลังงาน หลังจากที่ กบง.เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2565 มีมติให้ลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซล จาก 1.80 บาท เหลือ 1.40 บาท
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ผู้ให้บริการน้ำมันแบรนด์พีที เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ผู้ค้าประสบกับปัจจัยเสี่ยง 3 เรื่อง จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับจาก 60-65 เป็น 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากสถานการณ์โควิดที่หนัก และนโยบายภาครัฐโดยเฉพาะนโยบายการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันไม่ชัดเจนส่งผลต่อผู้ประกอบการค้าน้ำมัน โดยบริษัทประเมินในช่วงต้นปีว่าสถานการณ์แนวโน้มจะดีขึ้น
กระทั่งเข้าเดือนกันยายนที่พบการติดเชื้อทะลุหลักหมื่น น้ำท่วมฝนตก ประชาชนลดการเดินทาง ธุรกิจต่าง ๆ เอสเอ็มอี ท่องเที่ยว ภัตตาคาร การบินต่างได้รับผลกระทบ และธุรกิจน้ำมันของบริษัทก็ติดลบเป็น 10% สิ่งที่สำคัญคือ ดีมานด์ในไตรมาส 3 ที่ลดลงมา บวกกับการปรับลดค่าการตลาดที่อ่อนตัวลง และสุดท้ายไตรมาส 4 เดือนตุลาคมนี้ ในประเทศกลับมีดีมานด์เพิ่มขึ้นหลัง 1 พ.ย. แต่ก็มีนโยบายพลังงานที่สับสนออกมาอีกว่าจะเอาอย่างไร
“เพราะตอนสมัยคุณศิริ อดีตรัฐมนตรีพลังงานเร่งผลักดันไบโอดีเซล บี 20 เราก็เป็นเด็กดีขยายเร็วที่สุดในบรรดาบริษัทน้ำมัน ทำปาล์มคอมเพล็กซ์ และพอทำ ๆ มาตอนนี้บอกไม่เอาแล้ว มติวันที่ 11 ต.ค. 2564 สับสนที่สุด เจอไป 3 บาท หลักการง่าย ๆ คือ น้ำมันใต้ดินในถังเหลือเท่าไร หายไปคูณ 3 เลย สมมุติน้ำมันดีเซลถือไว้ 40 ล้านลิตร หายไป คูณ 3
ส่วนเรื่องการดูแลค่าการตลาด 1.40 บาทต่อลิตร บริษัทได้เข้าพบ รมว.พลังงาน พร้อมรายงานว่า ลึก ๆ อยู่ไม่ได้หรอก แต่เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่ปักหมุด 1.40 บาทต่อลิตร โดยไม่ได้ถามว่าจะอยู่ได้ไม่ได้ และแม้จะใช้เฉพาะดีเซล แต่จริง ๆ แล้วเบนซินก็ไปหมด”
ทั้งนี้ การลดค่าการตลาด 1.40 บาท ก็ส่งผลต่อผู้ค้าปลีกรายอื่น (ปตท. บางจาก) ก็เหนื่อยเช่นกัน แต่ละบริษัทมีต้นทุนและความจำเป็นไม่เหมือนกัน แต่ด้วยเหตุที่เขามีโรงกลั่น ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นไรเพราะราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นปีนี้ ต่างจากบริษัทเราที่ซื้อมาขายไปอย่างเดียว
มติ 1 ธ.ค. ฉุดยอดไฮซีซั่น Q4
นายพิทักษ์กล่าวว่า บริษัทต้องพิจารณาทบทวนเป้าหมายที่วางไว้ 1-2% อีกครั้ง หลังจากที่ผ่านพ้นวันที่ 1 ธ.ค. นี้ไปแล้ว ว่าจะมีผลเป็นอย่างไร โดยต้องพิจารณาจาก 1) รัฐจะยังคงตรึง 28 บาทต่อลิตร 2) ผลจากค่าการตลาด 1.40 บาท และ 3) ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
“ปัญหาของเราจริง ๆ ก็งงว่าสุดท้ายจะพยายามให้อยู่ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึง 4 เดือนหรือไม่ หากต้นทุนน้ำมันปรับสูงขึ้น หรือต่ำกว่า 28 บาทต่อลิตร แล้วค่าการตลาดจะปรับอย่างไร ถ้าน้ำมันลดลงไปต่ำกว่า 28 บาทต่อลิตร เช่น เหลือ 26 บาท แล้วค่าการตลาดจะยังควรคงไว้ที่ 1.40 บาทหรือไม่ หากดูจากประวัติ สนพ.เคยบอกว่า ค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.80-1.90 บาท เราก็บอกว่าจุดนี้ คือจุดที่เราอยู่ได้ แต่ละบริษัทก็คนละต้นทุนต่างกัน เขาอาจจะอยู่ได้ และวันนี้เราจะเห็นว่าตอนนี้ระดับราคาน้ำมันแต่ละแบรนด์ไม่เท่ากัน ต่างจากเมื่อ 13 ปีก่อน เดือน 6 ปี 2551 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขึ้นไป 100 กว่าเหรียญสหรัฐ”
“ส่วนคำถามว่าราคาที่ไม่เท่ากันแต่ละปั๊มมีผลต่อปริมาณการขายหรือไม่ ต้องรอดูหลังจากนั้น ตอนนี้ต้องประคองผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและพนักงานที่ต้องดูแล 18,000 ชีวิต ขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินการสนองนโยบายภาครัฐ”
ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในเดือน ธ.ค.ว่าจะมีทิศทางอย่างไร หากราคาลดลงจะช่วยลดแรงกดดันได้ระดับหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้การที่สหรัฐประกาศเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงพันธมิตรช่วยดึงให้ราคาลดลงไปได้ 1-2 วัน เหลือ 79 เหรียญสหรัฐ แต่ปัจจุบันนี้น้ำมันดิบในตลาดเบรนต์ 81 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนแนวโน้มปีหน้า หลายค่ายคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 71-75 เหรียญสหรัฐ แต่บริษัทมองว่าสถานการณ์ยังไม่แน่นอน เพราะยังไม่ชัดเจนว่าทางสหรัฐจะดำเนินมาตรการอย่างไรต่อ เข้าใจว่าเศรษฐกิจอเมริกาก็มีปัญหา
“ในส่วนปาล์มคอมเพล็กซ์ที่ผลิตไบโอดีเซลบี 100 ขณะนี้ผลิตวันละ 15 ล้านลิตร เต็มกำลังการผลิต 100% แต่ความต้องการใช้มากถึง 20 ล้านลิตร ดีมานด์เริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่หายไปในไตรมาส 3 ซึ่งผลจากการปรับสูตรอาจจะไปลดปริมาณการใช้ (ดีมานด์) หาย ซัพพลายเท่าเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจเกษตรกร เพราะในอดีตราคาผลปาล์ม กก.ละ 3-4 บาท แต่ปัจจุบันนี้ กก.ละ 8-9 บาท ทำให้ไบโอดีเซล 40 กว่าบาท”