เปิดเคล็ดลับ #ชัชชาติชนะถล่มทลาย เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.

เปิดเคล็ดลับ ชัชชาติ ชนะถล่มทลาย เลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.

เก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ ถ้าไม่พลิกล็อก ชัยชนะถล่มทลาย ตกเป็นของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครอิสระ มีคะแนนนำในทุกเขต

เคล็ดลับของชัชชาติ ในช่วงโค้งสุดท้าย จัดปราศรัยแบบไม่เหมือนใคร จรยุทธ์ ไปตามฐานคะแนนไม่มีเวทีหลัก ฉีกกฎการเมือง ในลักษณะยุทธศาสตร์ดาวกระจายแทนการจัดเวทีปราศรัยใหญ่จำนวน 4 จุด ได้แก่ 1.สยาม 2.สีลม 3.เยาวราช และ 4.ถนนข้าวสาร

เขาบอกว่า การไม่จัดเวทีปราศรัยใหญ่นั้น เพราะอยากไปหาประชาชนมากกว่า การจัดเวทีปราศรัยคือการให้คนมาหาเรา ซึ่งเราอยากลงไปดูชีวิตคน ได้สัมผัสชีวิตจริงของประชาชน ยืนยันว่า 2 ปีเราพร้อมยิ่งกว่าพร้อม และเชื่อว่าเราเดินมาถูกทางแล้วที่เป็นผู้ว่าอิสระ และมีอาสาสมัครมาทำงานจำนวนมาก

24 ชั่วโมง ก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง “ชัชชาติ” ให้สัญญาว่าจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน และจะไม่ทำให้ผิดหวัง

“ชัชชาติ” ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่จะเดินหน้าใน 100 วันแรก หลังได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ว่า ทุกนโยบาย 200 ข้อต้องเดินทันที เพราะ 100 วันแรกอาจเป็นเป้าหมายของนโยบายที่ต่างกัน ถ้าเป็นนโยบายระยะยาว เช่น ปลูกต้นไม้ล้านตนภายใน 4 ปี 100 วันแรกอาจปลูกได้ 5 หมื่นต้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องดำเนินการตามตัวชี้วัด

100 วันแรก ทุกนโยบายต้องมีความคืบหน้า เช่น อาทิตย์แรกปลูกต้นไม้ 5 พันต้น ร้อยวันแรกมี 11 อาทิตย์ ก็อาจจะต้องได้ 5 หมื่นต้น เรามีนโยบาย telermed เอาหมอลงชุมชน ผ่านทางไกล ซึ่งเราทำโมเดลไว้แล้ว ดังนั้น 100 วันแรก เราต้องเริ่มเห็นแล้วว่ามีการนำแพทย์ลงสู่ชุมชน โดยใช้วิธีผ่านทางไกลเชื่อมโยงกับหมอที่ศูนย์

จะเห็นว่าเรามีการขยายการให้บริการศูนย์สาธารณสุขให้สอดคล้องความต้องการ ดังนั้น หลายศูนย์จะต้องเห็นแล้วว่าสามารถปรับเวลาให้บริการได้ จะเห็นการเปิดโรงเรียนเสาร์ – อาทิตย์ ให้เด็กทำกิจกรรมได้ ศูนย์เด็กอ่อนอายุ 3 เดือน-3 ขวบ ซึ่งจะต้องศูนย์ที่เป็นต้นแบบ

เราต้องการมีแพลตฟอร์มให้ประชาชนแจ้งเหตุว่าปัญหาอยู่ไหน ซึ่งเราได้เริ่มทำแล้ว ดังนั้น 100 วันแรก ต้องมีการทำให้เห็นว่า 50 เขต มีปัญหา น้ำท่วม ปัญหาทางระบายน้ำ ปัญหาขยะ ทางเท้า รถติดขัด อยู่ที่ไหน นำมาขึ้นจอ 100 วันแรกต้องเห็นความก้าวหน้า รวมถึงให้ประชาชนประเมิน ผอ.เขต ทำ Open data เรื่องเกจวัดฝุ่น เอาจริงเอาจังกับรถที่ปล่อยฝุ่น 100 แรกก็ต้องเห็น

100 วันแรก เห็นความคืบหน้า 4-5 อย่าง คิดว่ามันน้อยไป เรามีข้าราชการ ลูกจ้าง 8 หมื่นคน มี 16 สำนัก 50 เขต ต้องมีการรายงานตลอด ดังนั้น 100 วัน เห็นอะไร 200 วัน 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี สุดท้ายได้อะไร

ส่วนคนที่ตามมาเป็นอันดับสอง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” จากก้าวไกล สวมเสื้อลิเวอร์พูล ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในตอนช่วงเช้า มีแคมเปญใหญ่ประกาศ สร้างเมืองที่ทุกคนเท่ากัน ปักหมุดรถเมล์สาย 1 ที่ต้นทาง มิวเซียมสยาม ช่วงที่ผ่านมา “วิโรจน์” เก็บแต้มเบียดชัชชาติ จากเวทีดีเบตต่าง ๆ ด้วยท่าทางถึงลูกถึงคน สมกับเป็นอดีตนักโต้วาที

เขาประกาศว่า จะช่วยให้คนกรุงเทพฯ สามารถตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนสวัสดิการ เพื่อช่วยเหลือคนเล็กตัวน้อยที่ทำงานอย่างหนัก หรือการชนกับทุนใหญ่เพื่อกระจายความเป็นธรรมใหม่ แต่ก็ไม่สามารถเบียดเอาชนะความแรงของเต็งหนึ่ง อดีตรัฐมนตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีได้

แต่คนที่หายใจรดต้นคอวิโรจน์คือ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ทิ้งเก้าอี้อธิบการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ลงสนามการเมืองครั้งแรกในสีเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ แม้ช่วงสุดท้ายเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ต่อเนื่อง ก่อน ปิดหัวลำโพงปราศรัย ย้ำแคมเปญ “เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบของอาเซียน”

เขายืนยันว่า กทม.ต้องได้ผู้ว่าฯ กทม.มืออาชีพ รู้เรื่องดิน เรื่องน้ำมาแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยี ไวไฟ 1.5 แสนจุด ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา ให้แข่งกับประเทศอื่น แก้ปัญหาน้ำท่วมเบ็ดเสร็จ ให้โรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็น 80 แห่ง ยังลุ้นเป็นอันดับสอง

ส่วนผู้ว่าฯ กทม.คนเก่า “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ดูจะเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ช่วงโค้งสุดท้ายเพราะมีหลายจุดใน กทม.ที่น้ำท่วมพอดิบพอดี อย่างไรก็ตาม เขาประกาศบนเวทีปราศรัยใหญ่ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ปิดจ็อบความจน เพื่อคนกรุงเทพฯ ทำได้ ทำจริง ทำต่อ

ทว่าคะแนนกลับอยู่ในลำดับที่ 5 ยังตามหลัง “สกลธี ภัททิยกุล” ผู้สมัครอิสระ ที่ชูแคมเปญ “กท more” กรุงเทพดีกว่านี้ได้ อยู่ในอันดับที่ 4 หลังปิดหีบมาร่วม 2 ชั่วโมง