20 ซีอีโอ บริษัทชั้นนำฝรั่งเศส พบประยุทธ์ ลงทุนพลังงานสะอาด

20 ซีอีโอฝรั่งเศสพบประยุทธ์
20 ซีอีโอฝรั่งเศสพบประยุทธ์

20 ผู้บริหารบริษัทชั้นนำฝรั่งเศส พบ “ประยุทธ์” พร้อมร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด-ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี 2567 อย่างเป็นรูปธรรม

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะนักธุรกิจฝรั่งเศส นำโดย นายฟรองซัวส์ กอร์แบง (Mr. François Corbin) รองประธานสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ (Mouvement des Entreprises de France : MEDEF : MEDEF International) เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับคณะ ยินดีที่ทราบว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่คณะเดินทางมาเยือน หลังจากที่ว่างเว้นเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมย้ำว่า การเยือนของคณะถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเป็นกิจกรรมหลักที่จัดขึ้นภายหลังการลงนามในแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2022-2024) ที่จะนำไปสู่การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศภายในปี 2567

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างภาคเอกชนไทยและฝรั่งเศส โดยเฉพาะสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย และสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ เชื่อมั่นว่าคณะเห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูป และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา และมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมพัฒนาความร่วมมือ จะได้เห็นศักยภาพและโอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอีกมากมาย โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการ EEC

ด้านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ร่วมให้การต้อนรับคณะในวันนี้ MEDEF International เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน 2565) ได้มีการประชุมสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงสาขาความร่วมมือที่มีศักยภาพ และพัฒนาเพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยมีผลการประชุมที่สำเร็จเห็นผลที่เป็นรูปธรรมอย่างยิ่ง

ในขณะที่รองประธาน MEDEF International ระบุว่า คณะนักธุรกิจที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้มาจากหลากหลายสาขา เพราะตระหนักดีถึงศักยภาพด้านเศรษฐกิจของไทยที่เห็นช่องทางความร่วมมือได้มาก และบริษัทฝรั่งเศสมีความสนใจที่จะแสวงหาการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจาก

1.ไทยและฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มีความไว้เนื้อเชื่อใจ และมีความใกล้ชิด มากว่า 30 ปี 2.ไทยมีที่ตั้งซึ่งมีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีขีดความสามารถ เป็นตลาดที่น่าสนใจ และน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน มีการปฏิรูป ปรับปรุงนโยบายที่ทันสมัยเอื้อต่อการลงทุน

และ 3.ภาคเอกชนฝรั่งเศสมั่นใจในโอกาสเพื่อสร้างความร่วมมือ โดยมองว่าไทยกำลังเติบโต และมีพัฒนาการเชิงบวกในหลาย ๆ ด้าน อาทิ สาธารณสุข การเกษตร เป็นต้น ทั้งนี้ ฝรั่งเศสพร้อมให้การสนับสนุนไทย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ และยินดีสานต่อความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการผลิต พัฒนา และเสริมสร้างบุคลากรของไทย

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสริมว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ รวมถึงความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการด้านเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อภาคธุรกิจและประชาชน พร้อมให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนของทรัพยากร และความหลากหลายทางชีวภาพ

ตัวแทนภาคเอกชนฝรั่งเศสกล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับความร่วมมือของทั้งสองประเทศ โดยภาคเอกชนฝรั่งเศสชื่นชมแนวความคิด และนโยบายดำเนินการสู่เป้าหมายในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ของนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าภาคเอกชนฝรั่งเศสมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด และเชื่อว่าไทยมีศักยภาพในด้านพลังงานทดแทน และมีพัฒนาการในด้านนี้เด่นชัดเป็นอย่างมาก

ด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันอีกมาก จึงหวังว่าจะใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ ทั้งกลไกภาครัฐและภาคเอกชนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวย้ำว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนฝรั่งเศส เพื่อเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน

ทั้งนี้ คณะนักธุรกิจฝรั่งเศสที่เข้าเยี่ยมคารวะในครั้งนี้รวม 26 คน โดยเป็นระดับผู้บริหาร จาก 20 บริษัทชั้นนำในสาขาต่าง ๆ อาทิ วิศวกรรมก่อสร้างและวิศวกรรมยานยนต์ ระบบและเทคโนโลยีด้านการคมนามคม ขนส่งทางบก/ทางทะเล อากาศยานและอวกาศยาน การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด/พลังงานทดแทน การบริหารจัดการน้ำและของเสีย การบริหารจัดการพลังงาน