เปิดใจธรรมนัส ไม่อยู่กลางเขาควาย รอเจรจาเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน 100%

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ธรรมนัส พรหมเผ่า เปิดใจถอนตัวร่วมรัฐบาล เพราะประชาชนทั้งประเทศเบื่อหน่าย โดยเฉพาะแก้ปัญหาปากท้องคนภาคเหนือตอนบนไม่เอารัฐบาล ยัน “บิ๊กป้อม” เข้าใจ เตรียมต่อสายขอเข้าร่วมงานกับฝ่ายค้าน

วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ภายหลังพรรคเศรษฐกิจไทยแพ้การเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปางเขต 4 ให้กับพรรคเสรีรวมไทย ว่า ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคท่านอื่นอาจเป็นปัญหา แต่สำหรับตนแล้ว ตนรู้ตัวเองดีว่าเกิดอะไรขึ้น ผลเลือกตั้งเขต 4 ลำปางเราไม่คาดคิดว่าจะออกมาแบบนี้

เมื่อเป็นแบบนี้ตนและกรรมการบริหารพรรคมานั่งทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น และปัจจัยสำคัญต้องย้อนกลับไปการเลือกตั้งมีนาคม 2562 ฐานข้อมูลเลือกตั้งของเราคือ 30,568 คะแนน และคะแนนของพรรคพลังประชารัฐในจังหวัดลำปาง ทั้ง 4 เขต ได้ 114,000 กว่าคะแนน พิสูจน์แล้วว่าคะแนนฐานของเรามีเท่านี้

แต่พอการเลือกตั้งซ่อมปี 2563 เนื่องจากรัฐบาลมีผลงานในพื้นที่จังหวัดลำปางทั้ง 4 เขต ทั้งการจัดหาที่ทำกินและแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งประชาชนก็ได้รับประโยชน์ ดังนั้น ทำให้พรรคพลังประชารัฐชนะเสรีรวมไทย โดยเราได้คะแนนประมาณ 62,000 คะแนน ส่วนเสรีรวมไทย ได้ประมาณ 39,000 คะแนน

แต่มาเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้คะแนนสะวิงกลับ ทั้งนี้ คงไปโทษรัฐบาลไม่ได้ แต่หลังจากการลงพื้นที่เราทราบว่า ประชาชน โดยผู้นำท้องถิ่นที่ตนวางไว้มาบ่นกับตนว่า ประชาชนไม่ค่อยสบายใจในเรื่องความไม่ชัดเจนกับพรรคเศรษฐกิจไทย ว่าสรุปแล้วอยู่ฝ่ายใดกันแน่ อีกทั้ง พรรคเสรีรวมไทย ก็หาเสียงประเด็นเดียวเรื่องความไม่แน่นอนในจุดยืนของพรรคเศรษฐกิจไทย จึงทำให้เราพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจอยู่คือฐานคะแนนเรายังเท่าเดิมคือ 30,000 กว่าคะแนน

ส่วนความพ่ายแพ้ของพรรคเศรษฐกิจไทย เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยเทคะแนนให้พรรคเสรีรวมไทยหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราดูผลการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้ประมาณ 42,000 คะแนน พรรคอนาคตใหม่ได้ ประมาณ 26,000 คะแนน เราได้ประมาณ 30,000 คะแนน พอมาเลือกตั้งซ่อมปี 2563 ที่เราได้ 62,000 คะแนน แปลว่าพรรคเพื่อไทยเทคะแนนมาหาเราบ้าง ส่วนพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) คงเทคะแนนให้เสรีรวมไทย ดังนั้น ณ วันนี้เราสู้กับฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายรัฐบาล

“ชาวบ้านในภาคเหนือตอนบน ตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน รวมถึงลำปาง ชัดเจนไม่เอารัฐบาล” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ผู้ดำเนินรายการถามว่า เป็นเหตุผลที่ทำให้เศรษฐกิจไทยต้องเลือกไปอยู่ฝ่ายค้าน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราถูกขับออกจากการเป็นรัฐมนตรี เรามีจุดยืนชัดเจนว่าอยู่ข้างประชาชน แต่ประชาชนไม่เข้าใจหรอก เพราะยังเห็นการโหวตเห็นชอบกับงบประมาณ 2566 อยู่ ดังนั้น ต้องประกาศชัดเจนว่า เราควรจะกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติให้ชัดเจนไปเลย

“ซึ่ง ณ เวลานี้ ในยุคนี้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ไม่ชัดเจน กลับกลายเป็นกลุ่มเดียวกัน ยกเว้นฝ่ายค้านที่แสดงตัวออกมาชัดเจนเท่านั้น ดังนั้น พรรคเศรษฐกิจไทยควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจนไปเลยว่า เราควรจะทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้มันเต็ม 100% ไปเลย ให้ชัดเจนไปเลย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

เมื่อถามว่า การขยับจุดยืนแบบนี้จะทำให้เสียมวลชนในภาคอื่น ๆ หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ผมไม่ได้ว่าผมดีนะครับ ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรี ออกจากรัฐมนตรี ผมอยู่ในพื้นที่มาตลอด ไม่เฉพาะภาคเหนือ อีสาน ผมเดินทางทั้ง 77 จังหวัด เรารับทราบความรู้สึกของประชาชนดี แต่สถานการณ์ ณ วันนี้เกิดวิกฤตโรคระบาด วิกฤตปากท้อง คือ วิกฤตเศรษฐกิจ เกิดจากไหนไม่ต้องไปโทษใคร ก็เป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน”

“ดังนั้น สิ่งที่สะท้อนถึงว่าที่ผู้สมัครพรรคเศรษฐกิจไทยทั้ง 77 จังหวัด ก็ complain ไปยังพรรคว่า เราควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เอาตรง ๆ ประชาชนเบื่อหน่ายในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น จะทำให้เราเสียมวลชนภาคอื่นไหม ผมมีความมั่นใจว่าเสียงสะท้อนจากว่าที่ผู้สมัครของเรา ก็คือเสียงสะท้อนจากประชาชน”

เมื่อถามว่า การประกาศร่วมกับฝ่ายค้านคือพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เวลานี้ เราประกาศตัวชัดเจนให้นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายไผ่ ลิกค์ ลาออกจากวิปรัฐบาล เมื่อเราออกมาแล้วก็ควรให้ชัดเจน ถามว่าโดยมารยาททางการเมือง ณ เวลานี้ ผู้นำฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกับเรา ถามว่าเราอยู่กับฝ่ายค้าน 100% หรือยัง ก็ยัง มันเป็น process ต่อไปที่เราต้องไปคุยต่อ

เมื่อถามว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไปอยู่กับฝ่ายค้านหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เราประกาศว่าทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบในฝ่ายนิติบัญญัติชัดเจน ก็คงจะต้องทำงานเป็นทิศทางเดียวกันกับฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ได้ขอคิวพบ พล.อ.ประวิตร หรือยัง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนได้เรียนสายกับ พล.อ.ประวิตรผ่านทางโทรศัพท์แล้ว ได้ชี้แจงเหตุผลให้ท่านฟังแล้ว หลังจากตนเดินทางกลับเข้า กทม.จะไปเรียนท่านอย่างเป็นทางการ ส่วนพล.อ.ประวิตรว่าอย่างไรนั้น ตนเล่าให้ฟังถึงการเลือกตั้งที่ลำปางว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

“เหมือนเราเป็นพรรคที่อยู่ตรงกลางของเขาควายทั้งสองข้าง มันไม่ชัดเจน ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่สนับสนุนเรา เราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากรัฐบาล อีกทั้งยังถูกกระทำในหลาย ๆ เรื่องซึ่งไม่อยากพูดตรงนี้ ขณะที่อีกข้างหนึ่งของเขาควายก็ไม่สนับสนุนเรา ดังนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมานั่งอยู่ตรงกลางเขาควาย ก็อธิบายให้ท่านฟัง ท่านก็เข้าใจ ซึ่งท่านไม่ได้ตัดพ้ออะไร ท่านเข้าใจผม”

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรไม่มีรั้งไว้ หรือขออะไรไว้เลยหรือ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็มีบ้าง แต่ตนชี้แจงข้อเท็จจริง และเหตุผลให้ท่านฟัง ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ ท่านฟังเหตุผลของลูกน้อง

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ขอให้ยกเว้นการลงมติไม่ไว้วางใจไว้กี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ไม่มีครับ ไม่ได้ขอครับ” ถามย้ำว่า 2 ป. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย) ก็ไม่ได้ขอให้ยกเว้นเลยหรือ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “เมื่อวาน (12 กรกฎาคม) ไม่ได้พูดถึงการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงนี้ พูดประเด็นว่าเหตุอะไร ถึงต้องออก ออกมาเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายนิติบัญญัติ 100%”

ส่วนกรณีกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปได้หมด”

เมื่อถามว่า จะนัดคุยกับฝ่ายค้านเมื่อไหร่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในวันที่ 15 กรกฎาคม ตนจะเดินทางกลับเข้า กทม.นัดไว้หลายฝ่ายหลายท่าน