“เมียนมา” ต้องยึดถือฉันทามติ 5 ข้อ

(File Photo) Min Aung Hlaing REUTERS
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

สถานการณ์ในเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับไทยยาวมากกว่า 2,202 กม. ยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย หลังการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา นำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ในปี 2564 จนนำมาสู่สงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา กลุ่มพันธมิตรสามภราดรภาพจากกองทัพชนกลุ่มน้อย ก็ได้เปิดปฏิบัติการ 1027 ยึดพื้นที่ในเขตอิทธิพลทางตอนเหนือติดชายแดนจีนคืนจากรัฐบาลทหาร ส่งผลให้เกิดการสู้รบทั้งในเขตรัฐฉาน-ยะไข่ ลุกลามลงมาในรัฐกะเหรี่ยงติดกับชายแดนประเทศไทย

ความวุ่นวายจนถึงขั้นสงครามกลางเมืองที่ดำเนินการติดต่อกันมาเป็นปีที่ 3 ถูกพัฒนาให้เกิดสถานการณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องจากกองทัพเมียนมาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ บริเวณชายแดนเกิดกลุ่มผู้อพยพหนีภัยสงครามออกันอยู่ และพร้อมที่จะทะลักเข้าไทย

หากทั้ง 2 ฝ่ายเปิดปฏิบัติการด้านการทหาร แน่นอนว่า อาเซียน ในฐานะที่เมียนมาเป็น 1 ในสมาชิกอาเซียน ได้พยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมามาตั้งแต่ต้น โดยผู้นำอาเซียนได้ออกฉันทามติ 5 ข้อ หรือ Five-point Consensus ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนวาระพิเศษที่อินโดนีเซีย

สาระสำคัญของฉันทามติ 5 ข้อ ประกอบไปด้วย 1) จะต้องยุติความรุนแรงในเมียนมาโดยทันที 2) การเจรจาที่สร้างสรรค์ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อหาทางออกอย่างสันติ 3) ทูตพิเศษของประธานอาเซียนจะอำนวยความสะดวกเป็นสื่อกลางของกระบวนการเจรจา

4) อาเซียนจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านทางศูนย์ประสานงานอาเซียน เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติ (AHA) และ 5) ทูตและคณะผู้แทนพิเศษจะเดินทางไปเยือนเมียนมาเพื่อพบปะกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารเมียนมา ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า ได้เริ่มปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ความรุนแรงในการปราบปรามผู้เห็นต่างยังคงถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ตามแนวชายแดนที่ถูกยกระดับความรุนแรงขึ้นมาในปัจจุบัน

ADVERTISMENT

ทางคณะกรรมาธิการต่างประเทศ (กมธ.) ได้มีข้อเสนอสำคัญล่าสุดต่อรัฐบาล โดย 1 ในนั้นก็คือ การเสนอให้ไทยเป็นหัวหอกในการแก้ไขปัญหาในฐานะผู้ผลักดันสันติภาพในเมียนมาด้วย การตั้ง “เมียนมาทรอยก้าพลัส” ขึ้น เพื่อใช้เป็นเวทีในการสร้างสันติภาพอันจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม

ล่าสุดไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา โดยสภากาชาดไทยผ่านทางสภากาชาดเมียนมาแล้ว ทั้งหมดนี้ยังเป็นไปตามกรอบฉันทามติ 5 ข้อหลักที่ใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองในเมียนมา ที่จะต้องมีการบังคับใช้ให้ครบถ้วนทุกข้อ

ADVERTISMENT