ก่อนครบ 1 ปีรัฐบาล

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัว ฟื้นฟูจากผลจากรัฐประหาร 2549 และ 2557 เป็นงานหนักของรัฐบาล โดยเฉพาะในเมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาพขาลง ปัจจัยเสี่ยงทั้งปัจจัยภายในและนอกประเทศถาโถมเข้ามา ทำให้เป็นภาระที่หนักยิ่งขึ้นสำหรับภายในประเทศ ความพยายามวางพิมพ์เขียวเศรษฐกิจการเมือง ตามแนวความคิดของคณะรัฐประหาร ระหว่าง 2557-2562 ไม่ประสบผลสำเร็จ และลงเอยด้วยการคืนอำนาจ จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 นำเอาระบบรัฐสภากลับมาใช้ แต่ยังให้ สว. 250 คน ที่มาจากคณะทหารยังคงมีอำนาจกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี

รวมถึงในการเลือกตั้ง 2566 ซึ่งผ่อนคลายมากขึ้น และได้รัฐบาลจากพรรคการเมือง มีนายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อของพรรคที่ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การทำงานของรัฐบาลจากพรรคการเมืองไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก ระบบราชการที่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นหลักของการบริหารงานในช่วงรัฐประหาร กฎหมายควบคุมการใช้งบประมาณที่เข้มงวด ก่อให้เกิดการทำงานที่ขัดแย้งกันระหว่างภาคราชการและการเมือง

ผลพวงของรัฐประหาร ทำให้บทบาทและอำนาจของภาคราชการ กฎหมายและกลไกองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ควบคุมภาคการเมืองอย่างเข้มงวด ส่งผลต่อการผลักดันนโยบายของรัฐบาลในหลายเรื่อง ที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ การเสนอโครงการดิจิทัลวอลเลต ที่ทำให้รัฐบาลต้องปรับแก้วิธีการหลายต่อหลายครั้ง การวิพากษ์วิจารณ์แผนงานนี้ สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจของภาคราชการที่กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับฝ่ายการเมืองได้ กว่าจะลงตัวและเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา

แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์อดีต สว. 40 คน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้งรัฐมนตรี ทำให้เกิดการชะงักงันของเศรษฐกิจการเมือง ที่ต้องรอฟังผลการวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ดุลอำนาจได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง หลังการเลือกวุฒิสภาชุดใหม่ และได้ สว. 200 คน ที่บางส่วนใกล้ชิดพรรคการเมือง ทำให้ภาคการเมืองมีอำนาจชี้นำมากขึ้น

รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน จะมีอายุ 1 ปีในเดือนกันยายนนี้ การบริหารงานที่ผ่านมา ประสบปัญหาไม่น้อยจากภายนอก ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ส่วนภายในรัฐบาลเอง มีจุดอ่อน ความเป็นรัฐบาลผสม และมีฝ่ายค้านที่มีจำนวน สส.มาก ทำให้การทำงานของรัฐบาลมีความซับซ้อน รวมไปถึงในพรรคหลักของรัฐบาลเอง ที่การนำไม่เป็นเอกภาพเท่าที่ควร

แต่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ได้พยายามใช้ศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการต่างประเทศ เปิดการเจรจากับประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งสัญญาณว่าการเมืองของประเทศเปลี่ยนไป มีความพร้อมรับการลงทุนจากนานาประเทศ รวมถึงความพยายามเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว ลดขั้นตอนการเข้าประเทศ ซึ่งได้ผลดีในระดับหนึ่ง โจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป คือนำพาประเทศจากเงารัฐประหาร คืนสู่สภาพปกติให้มากที่สุด ด้วยกฎกติกา กฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานของรัฐบาล โดยมีภาคราชการทำหน้าที่สนับสนุน เพื่อที่รัฐบาลจะได้สร้างผลงานที่มีผลต่อประชาชนได้มากยิ่งขึ้น

Advertisment