ประมูลเมกะโปรเจ็กต์ต้องวิน-วิน

แฟ้มภาพ

บทบรรณาธิการ

การพัฒนาโครงการเมกะโปรเจ็กต์ระบบราง มอเตอร์เวย์ ทางด่วน ท่าเรือ สนามบิน ฯลฯ มูลค่าลงทุนเฉียด 2 ล้านล้านบาท ซึ่งทยอยเปิดประมูลตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ที่อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกเอกชน และเตรียมเปิดประมูล ถือเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี

ทุกโครงการได้รับความสนใจจากภาคเอกชนทั้งไทย ต่างชาติ เห็นได้จากมีผู้เข้าร่วมประมูลจำนวนมาก และแม้สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้จะอยู่ในช่วงรอยต่อ แต่รัฐบาล คสช.ซึ่งยังมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศพยายามเร่งสปีดลงทุนเต็มที่ การเมืองผลัดใบจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการประมูลที่หลายหน่วยงานกำลังทำงานแข่งกับเวลา

โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันริเริ่มและต้องการผลักดันให้เป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนิวเอสเคิร์ฟพลิกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตก้าวกระโดดได้อีกครั้ง

ไม่แปลกที่กระทรวงเกรดเออย่างคมนาคมซึ่งมีเมกะโปรเจ็กต์ที่อยู่ในเมนูลงทุนมากที่สุด จะถูกหมายตาจากนักการเมือง พรรคการเมือง ที่กำลังเดิมเกมเจรจาต่อรองจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง อย่างพรรคพลังประชารัฐซึ่งหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.กลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลรอบสอง ประกาศชัดว่าขอจองกระทรวงหูกวาง หวังสร้างผลงานและกำกับดูแลงบประมาณก้อนโต

ไม่ว่าการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะชัดเจนมากขึ้น หลังผ่านพ้นรัฐพิธีเปิดประชุมสภาวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ และการเลือกประธาน กับรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กับวุฒิสภา วันที่ 25 พฤษภาคม จะเป็นไปตามโผ หรือพลิกโผ กระทรวงเศรษฐกิจอย่างคลัง อุตสาหกรรม เกษตรฯ พาณิชย์ พลังงาน ฯลฯ โดยเฉพาะคมนาคมจะยังคงเป็นที่หมายตาของทุกพรรค

ขณะเดียวกันนอกจากรัฐบาลใหม่จะถูกคาดหวังให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งรับมือปัจจัยลบภาคส่งออกชะลอตัวจากสงครามทางการค้าแล้ว การขับเคลื่อนโครงการอีอีซี และแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มีความต่อเนื่องก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการให้สัมฤทธิผล

ที่สำคัญการประมูลงานทุกโครงการต้องจบแบบวิน-วิน โดยรัฐได้ประโยชน์สูงสุด เอกชนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่า ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือการกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลด้วยความโปร่งใส เปิดกว้างให้มีการแข่งขันเสนอตัวเข้ารับงาน หรือร่วมทุนอย่างเป็นธรรม พร้อมอุดช่องโหว่ไม่ให้เกิดการทุจริตรั่วไหล กลายเป็นค่าโง่ภาคพิสดาร ให้คนรุ่นลูกหลานต้องตามแก้ในวันหน้า