คอลัมน์ เปิดมุมมอง
โดย ไกรวุฒิ สิมธาราแก้ว, พลฉัตร ยงญาติ ทีมกรุ๊ป
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) ในยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน กล่าวถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟ โดยปรับปรุงทางรถไฟและจุดตัดระหว่างโครงข่ายรถไฟและโครงข่ายถนน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการให้บริการ ก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายหลัก และจัดหารถจักรและล้อเลื่อน รวมทั้งปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงสู่เมืองต่าง ๆในภูมิภาคและกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและดำเนินงานในอนาคต ซึ่งจากยุทธศาสตร์นี้จึงนำมาสู่แผนการพัฒนารถไฟทางคู่ในปัจจุบัน
โดยแบ่งแผนการพัฒนาต่าง ๆ เป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่
1.การก่อสร้างเป็นรถไฟทางคู่ (double track)
2.การก่อสร้างแนวเส้นทางรถไฟ
สายใหม่ (new route)
3.การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (high speed rail)
4.การจัดหาหัวรถจักรและล้อเลื่อนเพิ่มเติม
1.การก่อสร้างทางรถไฟระบบทางคู่ (double track) จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ลดระยะเวลารอสับหลีก เพิ่มความเร็วในการให้บริการ โดยที่ถ้าก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้วเสร็จ จะทำให้สามารถเพิ่มความเร็วเฉลี่ยของรถไฟขนส่งผู้โดยสารเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรถไฟขนส่งสินค้าเป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะทำให้การเดินทางโดยระบบรถไฟสามารถแข่งขันกับระบบถนนได้ โดยการก่อสร้างรถไฟทางคู่มีระยะทางรวมประมาณ 2,476 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย
1.1 ทางคู่ระยะเร่งด่วน จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 993 กิโลเมตร (อยู่ระหว่างก่อสร้าง)
1.ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-ชุมทางคลองสิบเก้า-ชุมทางแก่งคอย
2.ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น
3.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
4.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ
5.ช่วงนครปฐม-หัวหิน
6.ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์
7.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
1.2 ทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร (อยู่ระหว่างนำเสนอ ครม.)
1.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย
2.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
3.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
4.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี
5.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี
6.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา
7.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
2.การก่อสร้างทางรถไฟทางสายใหม่
(new route) จะเป็นการเพิ่มเส้นทางการให้บริการโดยระบบรถไฟ โดยปัจจุบันมีให้บริการครอบคลุม 47 จังหวัด และถ้ามีการขยายเส้นทางต่าง ๆ จะเพิ่มการให้บริการครอบคลุมเพิ่มขึ้นเป็น 62 จังหวัด ซึ่งมีระยะทางรวมประมาณ 681 กิโลเมตร ที่ ครม.อนุมัติโครงการแล้ว และจะมีอีก 12 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบ ทางรถไฟสายใหม่ที่ ครม.อนุมัติโครงการแล้ว ประกอบด้วย
1.ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
2.ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม
3.โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง
(high speed rail) จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชน โดยมีความเร็วสูงสุดประมาณ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นทางขนาดกว้าง 1.435 เมตร จุดจอดรถไฟเฉพาะสถานีหลัก ๆ ของภูมิภาค และจะเชื่อมต่อออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีระยะทางรวมที่จะพัฒนาประมาณ 2,466 กิโลเมตร ประกอบด้วย
3.1 แผนระยะเร่งด่วน จำนวน 4 เส้นทาง ระยะทาง 1,208 กิโลเมตร
1.ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง)
2.ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา(ได้รับการคัดเลือกเอกชนมาร่วมลงทุนแล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมเริ่มงานก่อสร้าง)
3.ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก
4.ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย
3.2 แผนระยะกลาง จำนวน 2 เส้นทาง ระยะทาง 499 กิโลเมตร
1.ช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน
2.ช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่
3.3 แผนระยะยาว จำนวน 1 เส้นทาง ระยะทาง 759 กิโลเมตร
1.ช่วงหัวหิน-ปาดังเบซาร์
4.การจัดหาหัวรถจักรและล้อเลื่อนเพิ่มเติม ประกอบด้วย รถจักรดีเซลไฟฟ้าจำนวน 50 คัน รถดีเซลรางปรับอากาศสำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 186 คัน และรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า Class E จำนวน 308 คัน ซึ่งขบวนรถไฟเหล่านี้จะนำไปเพิ่มความถี่ในการให้บริการและทดแทนบางเส้นทางที่ให้บริการเดิม
นอกจากนี้ การพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงย่อมส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเมืองตามแนวโครงข่ายรถไฟ จึงต้องมีการบูรณาการใช้แนวคิดการพัฒนาเมืองร่วมกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งอย่างเป็นระบบ หรือที่รู้จักกันในระดับสากลว่า transit oriented development : TOD ควบคู่ด้วย เพื่อให้เกิดการส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดย TOD คือแนวคิดที่เน้นการพัฒนาพื้นที่โดยรอบศูนย์ขนส่งมวลชนให้เชื่อมต่อกับพื้นที่กิจกรรมที่หลากหลาย มากกว่าการพัฒนาสถานีจุดจอดรับส่งผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว เกิดการผสมผสานการใช้พื้นที่รอบสถานีระหว่างพื้นที่พาณิชยกรรม ที่พักอาศัย ที่ทำงาน เป็นต้น
โดยแนวคิด TOD จะเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของพื้นที่ เชื่อมโยงระบบขนส่งเสริมความสะดวกสบายในการจราจร ลดการเกิดมลพิษจากระบบขนส่ง ลดการใช้พลังงาน และเกิดความคุ้มค่าในการลงทุนระบบขนส่งมวลชน