“หลอน” กันทั้งประเทศ

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
โดย ประเสริฐ จารึก

ประเทศไทย 2020 ต้องสตรองเบอร์ไหน ถึงจะ “เอาอยู่” กับมรสุมที่กำลังรุมเร้า ทั้งศึกใน-ศึกนอก

วิกฤตฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ยังไม่ทันจางดี สถานการณ์การเมืองก็เริ่มมีสัญญาณคุกรุ่น

หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลประยุทธ์” ยังหายใจไม่ทั่วท้องดี ก็เจอกรณีการระบาดของ “แฟลชม็อบ” ในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่เอา “ลุงตู่”

ขณะที่สภาพเศรษฐกิจที่ผ่านมา ก็ตกอยู่ในสภาวะ “ชะลอตัว” ต่อเนื่องมาถึงปี 2563 และมีทีท่าจะฟุบยาว กลับหัวตีลังกาดิ่งลงพสุธา

จาก 3 ปัจจัยเสี่ยง งบประมาณ 2563 ที่ออกช้า ปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก และไวรัสโควิด-19

ธนาคารแห่งประเทศไทยพยากรณ์เศรษฐกิจไทย ทั้ง 3 ปัจจัยสถานการณ์ยังไม่นิ่ง

ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ มีความเป็นไปได้ที่ GDP จะโตต่ำ 1% ต่ำจากเดิมคาดการณ์ 2.8%

ด้านสภาพัฒน์คาดการณ์ปีนี้อาจจะเห็นคนว่างงานเพิ่ม จากธุรกิจที่ทยอยเลิกกิจการ

ดูแล้วปีนี้ แทบไม่มีข่าวดีสำหรับประเทศไทยเลย

ยิ่งพิษ “โควิด-19” ระบาดหนักในหลายประเทศ ทั้งเอเชียและยุโรป ไม่ใช่แค่ประเทศจีน

ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งสะท้านหนักเข้าไปอีก

ไม่ต่างจากสถานการณ์ของประเทศไทย ที่ “โควิด-19” กำลังกลายเป็นโดมิโนทุบธุรกิจเป็นวงกว้าง

ในเมื่อประเทศพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวและส่งออกเป็นหลัก

เมื่อนักท่องเที่ยวหายวับไปกับตา ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องซบเซาตามไปด้วย

ภาพที่เห็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตเงียบเหงา ศูนย์การค้าลักเซอรี่ในเมือง คนเดินบางตา

เมื่อคนไม่มี พนักงานร้านค้าในห้าง นอกห้างก็ขายของไม่ได้ รายได้ที่เคยได้วูบหนัก จึงหนีไม่พ้นที่เจ้าของธุรกิจต้องลดค่าใช้จ่าย เพื่อประคองตัวเองให้อยู่รอดท่ามกลางวิกฤต

ที่เป็นข่าวครึกโครม โรงแรมแบรนด์ดัง ตระกูลใหญ่ ที่ใช้กลยุทธ์ให้พนักงานสมัครใจใช้สิทธิ์การลาแบบไม่รับค่าจ้าง เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อรัดเข็มขัด

ขนาดยักษ์ใหญ่ในตลาดยังสะเทือน แล้วโรงแรมระดับกลาง ระดับล่างที่สายป่านไม่ยาวพอ จะอยู่กันอย่างไร

วันก่อนเจอเพื่อนเป็นเซลส์ขายน้ำผลไม้ให้กับโรงแรมเล่าให้ฟังว่า

ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีจริง ๆ ยอดขายตกทุกเดือน ยิ่งคนแพนิกไวรัสโควิด-19 ทำให้ยอดขายลดลงมากในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

เพราะผู้ประกอบการโรงแรมเริ่มปิดบริการ ที่เห็นชัดมากในพัทยาและย่านสมุทรปราการที่รับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ตอนนี้มีปิดบริการชั่วคราวไปแล้ว และมีขอยืดเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 3 เดือน

ส่วนเพื่อนอีกคนทำบัญชีให้กับโรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมระดับ 6 ดาว กระจายอยู่ในกรุงเทพฯและภูเก็ต ที่มีลูกค้าจากจีนและยุโรปมาพักเป็นส่วนใหญ่

ก็เปรยให้ฟัง…ตอนนี้ลูกค้าที่บุ๊กกิ้งไว้ขอยกเลิกแล้ว 50% หลังเกิดการระบาดโวรัสโควิด-19 ในช่วงเดือนเศษ ๆ นี้

แต่เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้า เจ้าของโรงแรมจำต้องคืนเงินให้ลูกค้า เพื่อซื้อใจให้เขากลับมาอีก หลังวิกฤตคลี่คลาย

ขณะเดียวกันก็หาช่องทางหารายได้มาทดแทนกับเงินที่คืนลูกค้าไป

มีจัดโปรโมชั่นจูงใจให้คนเข้ามาพัก เช่น ลดค่าห้องพัก ลดค่าอาหาร และบริการอื่น ๆ รวมถึงหาตลาดใหม่มาทดแทน เช่น ลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน

ไม่ใช่แค่ท่องเที่ยวที่สำลักพิษโควิด-19 วงการ “ออร์แกไนซ์-พริตตี้” ก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน เมื่อธุรกิจงด เลื่อนอีเวนต์ยาว รายได้ที่แพลนไว้จะเข้ามาในเดือนนี้ เดือนนั้น ก็ถูกแคนเซิลไม่มีกำหนด

ส่วนภาคการขนส่งก็ระทมทุกโหมด ยิ่งสายการบินยิ่งโคม่า เมื่อนักท่องเที่ยวหลายประเทศงดการเดินทาง สายการบินต้องลดเส้นทาง นักบิน แอร์โฮสเตสก็ตกงานกันหลายชีวิต

ส่วนผู้ที่จองตั๋วโดยสาร แม้สายการบินให้เลื่อนการเดินทางได้ถึงสิ้นปี แต่ดูแล้วในอารมณ์นี้ คงอยากได้เงินคืนมากกว่าชดเชยเป็นเวลา เพราะไม่รู้ว่าเลื่อนไปแล้ว เมื่อถึงเวลาจริง ๆ จะได้ไปหรือไม่ เพราะทุกอย่างถูกเซตไว้หมดแล้ว วันลา วันว่างคนในครอบครัว

หรือบางคนเลื่อนตั๋วได้ แต่จำต้องยอมเสียค่าที่พักที่จองไว้ที่ต่างประเทศ เพราะมีบางโรงแรมที่ไม่ได้คืนเงินให้ลูกค้า หรือได้คืนก็แค่บางส่วนเท่านั้น

ตอนนี้สะเทือนกันทั้งประเทศ ทุกวงการ

นี่ยังไม่พ้นไตรมาสแรกของปี 2563 ก็หน้าเหี่ยว หน้าแห้งกันเป็นแถว

ถ้าหากสถานการณ์ลากยาวไปอีก ไม่ใช่แค่ 6 เดือนอย่างที่ประเมินกัน

คงจะ “เผาจริง” อย่างที่กูรูเศรษฐกิจว่าไว้ ถ้ารัฐบาลไม่แอ็กชั่น แก้ปัญหาให้ตรงจุด

ยิ่ง “ผีน้อย” หมื่นชีวิต หนีโควิด-19 จากเกาหลีใต้ ซึ่งมีสถิติคนติดเชื้อพุ่งเป็นรายวัน

ยิ่งทำให้คนไทยหลอนกันทั้งประเทศ !


หากรัฐบาลไม่ตั้งรับให้ดี ๆ