ขุนพลทักษิณ ในค่ายกลโควิด

คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

3 ก๊กอาจน้อยไปสำหรับรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เฉพาะมาตรการช่วยเหลือประชาชนถึง 3 แพ็กเกจ ใช้เงินใน-นอกงบประมาณกว่าแสนล้าน และวงเงินกู้ฉุกเฉินอีก 1.9 ล้านล้านบาท

แต่จุดชี้ขาด-มีผลต่อคะแนนความนิยมทางการเมือง คือ การแจกเงินรายละ 5,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ยอดนี้มีผู้ลงทะเบียน รวม 28,849,725 คน แต่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจ่ายแค่ 16 ล้านคน เมื่อนำยอดผู้ยกเลิกลงทะเบียน 9.5 แสนคน กับผู้สละสิทธิ์ 1,675 คน และต้องทบทวนสิทธิ์ 3.5 ล้านคน และกลุ่มที่กรอกข้อมูลเพิ่มเติม 5.2 ล้านคน ผู้ไม่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 1.1 ล้านคน

คาดว่าจะเหลือคนที่รัฐบาลต้อง “บริหารความรู้สึก” คนส่วนเกินนี้ประมาณ 10 ล้านคน

ล่าสุด รัฐบาลดีดลูกคิดสรุปมาแล้วว่า แม้ว่า ครม.อนุมัติจ่ายไปแค่ 16 ล้านคน แต่หากมีส่วนเกินอีก 4-5 ล้านคน อยู่ในวิสัยที่ “จ่ายได้ทุกคน”

กว่าจะมาถึงจุดที่ลงตัว จ่ายครบ-จบแน่ ราว 20 ล้านราย

คีย์แมนที่รุดไป “ผ่าตัด” ความป่วยเรื้อรัง-ของการเยียวยา 5,000 บาท ที่พลังประชารัฐ ส่งไปที่กระทรวงการคลัง นับว่าเป็นนักการเมืองฝีมือระดับพระกาฬ

อาจกล่าวได้ว่า เวลานี้ “ขุนพลการเมือง” ที่ต้องบริหารค่ายกล “วิกฤตโควิด” นั้น ส่วนใหญ่เคยเป็น “ขุนพลทักษิณ” ที่ผ่านการร่วมรบ-เคียงบ่าเคียงไหล่ ในรัฐบาลไทยรักไทยมาแล้วหลายระลอก

ไม่ว่าจะเป็น “วราเทพ รัตนากร” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 8 ปีรวด 2 สมัย ไม่เคยเปลี่ยน นั่งประจำการ ในฐานะรองกรรมาธิการการคลังประจำสภาผู้แทนราษฎรยาวนาน ปัจจุบันยังคงครองตำแหน่งนี้อยู่ในยุคพลังประชารัฐ

ขุนพลอีกคนของ “ทีมทักษิณ” ที่อยู่เป็น “ทีมผ่าตัดโควิด” คือ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข “เจ้าพ่อ 30 บาทรักษาทุกโรค”

ปัจจุบันรั้งตำแหน่ง “ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข” ผู้ที่เสนอให้ “ความสุข” กับ “สาธารณะ” ด้วยการ “ปลดล็อก-เปิดเมือง” เพื่อให้คนได้มีช่องหายใจ ทำมาหากิน ภายใต้ความพร้อมในการควบคุม-รักษาโรค

ซึ่งถึงจุดที่พร้อม-ยิ่งกว่าพร้อม แบบ “เต็มอัตราศึก”

ฝ่ายที่เคยทำงานแบบก้าวหน้า เชื่อว่า “ยิ่งปิดเมืองนานเท่าใด ผลกระทบต่อคนจนและคนชั้นกลางจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น จนทำให้ระบบเศรษฐกิจพังทลาย เพราะเมื่อฐานรากอ่อนแอ ยอดพีระมิดก็จะถล่มลงมาด้วย”

ไม่ต้องนับว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นั้นคือ คนที่ “ไม่กล้าสบตาทักษิณแม้แต่ในภาพถ่าย” ยังถือว่า “ทักษิณ” เป็นลูกพี่ตลอดกาล

เขาจึงเป็นมือวางอันดับ 2 ในทีมแก้วิกฤตโควิด ของ “ศูนย์ฉุกเฉินโควิด” ที่มีนายกรัฐมนตรี บัญชาการหมายเลข 1

คนที่เป็นยิ่งกว่าขุนพลของทักษิณ อีกคนคือ มิตรแท้ตลอดกาลเครือข่ายแก๊งออฟโฟร์ คือ “เนวิน ชิดชอบ” ในฐานะ “ผู้ช่วยเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ” ร่วมบัญชาการ “เปิดบ้าน-ปิดเมือง” กับผู้ว่าฯบุรีรัมย์

คนที่อยู่ข้าง ๆ และข้างหลัง เป็นยิ่งกว่าลมใต้ปีกของ “ทักษิณ” ตลอด 2 สมัย ไม่พ้น “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม ที่ปัจจุบันเขาคือทีม “สมคิดคอนเน็กชั่น”

รวบรวมเครือข่าย-เพื่อนเก่าในสภาอุตสาหกรรม อัดเงิน “งบฯปกติ” กว่า 1 หมื่นล้าน ใส่มือเอสเอ็มอี และชงข้อเสนอซอฟต์โลน 5 แสนล้าน ภายใต้ “พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อช่วยเหลือทางการเงินเอสเอ็มอี”

ไม่นับรวมบุคคลที่ยืนตระหง่านที่ทำเนียบรัฐบาล เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผู้อยู่เบื้องหลังการกู้เงินเยียวยาโควิด 1.9 ล้านล้าน

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อาจารย์ของรัฐมนตรี 4 กุมาร ที่คุมทั้งเงินที่กระทรวงการคลัง-คุมยุทธปัจจัยค่าไฟคนไทยทั้งประเทศ ที่กระทรวงพลังงาน

จุดเดียว-ฐานใหญ่ ที่คุมไม่ได้ แต่เป็นหัวใจของการทำคะแนนการเมือง คือ “มหาดไทย”

ที่คุมกำลังงบประมาณจากการกู้ 4 แสนล้าน จ่ายลูกตรงถึงผู้นำชุมชน แค่แจกครอบครัวละ 3,000 บาท 3 รอบ แบบเงียบ ๆ ก็กินเรียบทุกหมู่บ้าน