“CHINA CONNECT” ดัน SMEs ไทยบุกตลาดจีน

คอลัมน์ แตกประเด็น
โดย วีรชัย มั่นสินธร สถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน

ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันมาอย่างยาวนาน โดยหลังจากปี ค.ศ. 1975 ไทยกับจีนได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ชาวไทยจึงเริ่มใช้ภาษาจีนและค้าขายกับชาวจีน ประกอบกับรัฐบาลไทยเริ่มให้ความสำคัญกับภาษาจีน ทำให้คนไทยและคนไทยเชื้อสายจีน ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน รวมไปถึงการเป็นอยู่ต่าง ๆ ของคนจีน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างไทยและจีนอย่างยั่งยืน ดังคำว่า “จีนไทยพื้นที่ใกล้ชิด สายเลือดสัมพันธ์ วัฒนธรรมใกล้เคียง”

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้จัดตั้งสถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน ขึ้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานงาน ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ โดยมีหน้าที่หลัก คือ ทำงานร่วมกับองค์กร Counterpart ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และ BOI, CCPIT, ICBC เป็นต้นรวมทั้งหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งไทยและจีนรวมถึงคณะนักธุรกิจจีน จัดอบรม สัมมนา งานแสดงสินค้า รวมถึงจับคู่ธุรกิจเพื่อการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน สนับสนุนความร่วมมือ นักธุรกิจและนักอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ เผยแพร่ข่าวสารการค้าการลงทุนที่น่าสนใจในประเทศจีน พร้อมทั้งจัดหลักสูตรให้ความรู้เกี่ยวกับการค้าการลงทุน และอุตสาหกรรมระหว่างไทย-จีน

โดยสถาบันได้เตรียมจัดทำหลักสูตรออนไลน์ “บุกตลาดจีนอย่างมืออาชีพด้วยหลักสูตร CHINA CONNECT” เพื่อติดอาวุธให้สมาชิกและผู้ประกอบการไทย (SMEs) ให้มีความรู้ ความมั่นใจในการไปบุกตลาดจีน และทำธุรกิจในจีนได้อย่างเป็นมืออาชีพ เนื่องจากตลาดจีนยังเป็นตลาดที่น่าลงทุน เพราะมีจำนวนประชากรมาก มีกำลังซื้อ

และที่สำคัญต้องการบริโภคสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะไทย โดยสินค้าอันดับต้น ๆ ที่คนจีนนิยมซื้อ คือ หมอนยางพารา เครื่องสำอาง ของทานเล่นต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถขยายและสร้างรายได้อีกมาก แต่ปัญหาคือ ผู้ประกอบการมีสินค้าในมือแต่ไม่รู้จะเริ่มบุกตลาดจีนอย่างไร หลักสูตร CHINA CONNECT นี้ จะช่วยเหลือและคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนการนำสินค้าไปจำหน่าย

โอกาสจากนโยบาย Cross Border e-Commerce ของจีน

Cross Border e-Commerce ในจีนขยายตัวเฉลี่ยถึง 25% ต่อปี ในช่วงปี 2557-2561 เนื่องจากพฤติกรรมของคนจีนที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีแก่กลุ่มสินค้าไทยที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบาย Cross Border e-Commerce ของทางการจีน ที่ต้องการสนับสนุนการนำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อป้อนตลาดในประเทศที่จะเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ สำหรับท่านผู้ประกอบการที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อโดยตรงมาที่สถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน ส.อ.ท. หรือโทรศัพท์เข้ามาที่ call center เบอร์ 0-2345-1000

ประเมินความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในอนาคต หลังจากปัญหาโควิด-19 คลี่คลาย

หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย คาดว่า การลงทุนจากประเทศจีนจะมีมากขึ้น เหตุผลคือ ไทยมีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ จีนจึงอยากกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนอกประเทศ เช่น ด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ไอที ดิจิทัล และระบบการรักษาพยาบาล ขณะที่ภาษาจีนจะเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ยืนยันว่า พร้อมร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต หลังสถานการณ์ด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ดีขึ้น ไทยพร้อมเดินหน้าความร่วมมือต่าง ๆ กับจีนทันที โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน ที่ไทยสนใจเรียนรู้จากจีนและสนใจไปศึกษาดูงานที่จีน เมื่อสถานการณ์มีความพร้อมรวมถึงเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจทันที


จึงใช้โอกาสนี้เชิญชวนนักลงทุนจีนให้พิจารณาการร่วมลงทุนในไทย ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง และขอให้จีนได้พิจารณารับซื้อผลิตผลทางการเกษตรของไทยให้มากขึ้น ถือเป็นช่วงเวลาและโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมความพร้อมเพื่อบุกเข้าสู่ตลาดจีน