บทบรรณาธิการ
เศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้น หลายสำนักปรับมุมมองการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปีนี้ทั้งปี ขยายตัวติดลบน้อยลง แม้เป็นข่าวดี แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ความไม่แน่นอนมีสูง ปัจจัยลบมีรอบด้าน การตั้งการ์ดสูงเพื่อความไม่ประมาท และระวังความเสี่ยงทั้งภายในและนอกประเทศ เป็นทางเลือกที่ต้องทำโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
โดยเฉพาะการคุมเข้มป้องกันไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดรอบสอง เพราะหลังสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลปลดล็อกให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเปิดดำเนินการได้มากขึ้น การใช้ชีวิตตามปกติวิถีใหม่ หรือ new normal ที่เคยปฏิบัติ หย่อนยานลง ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ผลวิจัยทดสอบวัคซีนต้านโควิดแม้เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่กว่าหลายประเทศรวมทั้งไทยจะได้วัคซีนมาสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้ทั่วถึง คงใช้เวลานานนับปี ทางที่ดีคือไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับตนเองและคนรอบข้าง แม้ความสะดวกคล่องตัวจะลดน้อยลง เพราะต้องอยู่ในกฎกติกา
ที่สำคัญจะช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจถูกกระทบจากโควิดรอบใหม่ ทำให้เครื่องยนต์ทุกเครื่องที่เริ่มกลับมาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน การบริโภคภายในประเทศ การส่งออก สามารถเดินหน้าได้ต่อเนื่อง ขณะที่การกระตุ้นการบริโภคและกำลังซื้อ ผ่านโครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน รวมทั้งเที่ยวด้วยกัน ที่รัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าระบบนับแสนล้านบาทก็เริ่มเห็นผล
มีแต่การเมืองยังบั่นทอนความเชื่อมั่น หากรัฐบาล รัฐสภา ยังไม่เร่งหาทางลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ให้การเมืองร้อนผ่อนคลายลง โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญให้กติกาในการปกครองประเทศเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ และเปิดกว้างรับฟังเสียงเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวที่เห็นต่าง
การคาดการณ์ GDP ของนักวิชาการ นักวิเคราะห์หลายสำนักอย่าง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งล่าสุดปรับประมาณการเติบโต GDP ทั้งปี จากเดิมที่ -7.5% เป็น -6.0% สะท้อนถึงมุมมองสถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีทิศทางบวกมากขึ้น หลังดัชนีชี้วัดการผลิต บริโภค ลงทุน ส่งออกเริ่มฟื้น ที่ท้าทายคือทำอย่างไรให้ดีต่อเนื่องจากปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
นอกจากกระตุ้นระยะสั้นที่รัฐตั้งเป้าอัดฉีดเงินเข้าระบบระลอกใหม่ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งมีทั้งข่าวดีและปัจจัยเสี่ยง การสร้างความเชื่อมั่นหนุนบรรยากาศเศรษฐกิจ และเร่งแก้ปัญหาทางการเมืองก่อนถึงทางตัน เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมผลักดัน โค้งสุดท้ายก่อนผ่านพ้นปีหนูสู่ศักราชปีวัว 2564 จะได้พอมีความหวัง แม้ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน